“เอสซีจี” เดินหน้ากลยุทธ์ ESG สู่แนวทาง ESG 4 Plus ส่งแคมเปญ ‘คุณเลือกเพื่อโลกได้’ จุดประกายความคิด และสร้างแรงบันดาลใจ ให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาเลือกซื้อ-ใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่ง ‘SCG Green Choice’ ฉลากรับรองผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี มาเป็นตัวช่วยสำหรับผู้บริโภค ซึ่งฉลากนี้ให้การรับรองสินค้าในเครือครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง พร้อมเตรียมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด ‘คิดก่อนซื้อ’ กระตุ้นคนไทยคิดก่อนซื้อ มองหาสินค้าและบริการที่มีฉลาก ‘SCG Green Choice’ ทุกครั้ง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า และส่งมอบโลกที่ยั่งยืนให้คนรุ่นต่อไป

นางสาวปรวรรณ มหัทธนะสุข Customer and Brand Management Director กลุ่มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า “เอสซีจี ให้ความสำคัญและตระหนักถึงปัญหาโลกร้อน และทรัพยากรขาดแคลนมาโดยตลอด จึงมุ่งมั่นพัฒนาและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ประกาศจุดยืนด้านความยั่งยืนด้วยแนวทาง ESG 4 Plus พร้อมวางเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 (Net Zero) และมุ่งพัฒนานวัตกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (GO GREEN) ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ล่าสุด เปิดตัวแคมเปญ ‘คุณเลือกเพื่อโลกได้’ กระตุ้นให้คนไทยเล็งเห็นความสำคัญ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใกล้ตัว หันมาเลือกซื้อ หรือใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการเลือกซื้อสินค้าในเครือเอสซีจีที่มีฉลาก ‘SCG Green Choice’ พร้อมเตรียมส่งภาพยนตร์โฆษณาชุด ‘คิดก่อนซื้อ’ ที่ประกอบด้วยภาพยนตร์โฆษณาความยาว 1 นาที และความยาว 30 วินาที เพื่อย้ำแนวคิดที่ว่า ทุกคนสามารถดำเนินชีวิตไปพร้อมกับรักษ์โลก และรักตัวเองได้ในเวลาเดียวกัน พร้อมสื่อสารให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก SCG Green Choice นั้นให้ความสำคัญกับ 3 ด้าน ได้แก่ ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน (Climate Resilience) ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และยืดอายุการใช้งาน (Circularity) และส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี (Well-Being) ซึ่งจะสามารถรับชมกันได้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคมนี้เป็นต้นไป ผ่านทั้งสื่อโทรทัศน์ และออนไลน์ โดยเราหวังว่าฉลากนี้จะช่วยส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ร่วมกันดูแลโลก เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน และรบกวนสิ่งแวดล้อมให้น้อยลงตามแนวทาง ESG

>>>เอสซีจีชวนคนไทย ฉลาดเลือก…เพื่อโลก เลือก…ฉลาก SCG Green Choice

  • ฉลาก SCG Green Choice คืออะไร?

SCG Green Choice เป็นฉลากที่ให้การรับรองผลิตภัณฑ์และบริการที่รักษ์โลก และดีต่อสุขอนามัยของผู้ใช้ โดยทุกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองฉลากนี้ ต้องผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากร-พลังงานตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดการเกิดมลภาวะและของเสีย รวมถึงมีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือรีไซเคิลได้ ถือเป็นเครื่องหมายการันตีความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ว่าสินค้าเหล่านี้ให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัย ได้แก่ ประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อน, ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และยืดอายุการใช้งาน รวมถึงส่งเสริมสุขอนามัยที่ดี

  • ฉลาก SCG Green Choice ดีอย่างไร ?

SCG Green Choice เป็นฉลากช่วยเลือก เพื่อความยั่งยืน ที่มาเป็นผู้ช่วย และอำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของเอสซีจีให้กับผู้บริโภค ไม่เพียงเท่านี้ยังช่วยเซฟ 3 ด้านสำคัญ คือ เซฟโลก ลดการใช้ทรัพยากร ลดโลกร้อน เช่น ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจี สูตรไฮบริด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตอย่างน้อย 2.5 กิโลกรัมต่อปูน 1 ถุง เซฟเรา ผลิตภัณฑ์เอสซีจีปลอดภัยต่อสุขอนามัยผู้ใช้ เช่น บรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัย เฟสท์ ช้อยส์จากเอสซีจี แพคเกจจิ้ง และ เซฟค่าใช้จ่าย ด้วยคุณสมบัติในการประหยัดพลังงาน ประหยัดน้ำ และอายุการใช้งานที่ยาวนาน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดค่าซ่อมแซม เช่น ก๊อกที่ช่วยประหยัดน้ำได้อย่างน้อย 20% และระบบหลังคาโซลาร์เซลล์ เอสซีจี ช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงสุดถึง 60%

  • เลือกสินค้าอะไรจากเอสซีจีได้บ้าง?

ปัจจุบัน สินค้าเอสซีจีได้รับการรับรองฉลาก SCG Green Choice ถึงร้อยละ 32 ของสินค้าทั้งหมด โดยครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ที่สามารถเลือกสร้างบ้าน อาคาร และงานโครงสร้างด้วยนวัตกรรมรักษ์โลก ตั้งแต่สินค้ากลุ่มงานโครงสร้าง ปูนซีเมนต์ คอนกรีต กระเบื้องหลังคา สมาร์ทบอร์ดงานฝ้าเพดาน พื้น ผนัง ไม้สังเคราะห์ กระเบื้องเซรามิค สุขภัณฑ์และก๊อกน้ำ ไปจนถึงวัสดุตกแต่งสวนรอบบ้าน นอกจากนี้ ยังมีบริการงานติดตั้ง ซ่อมแซมหลังคา และหลังคาโซลาร์เซลล์สำหรับบ้านที่พักอาศัยและอาคารอีกด้วย 2) ธุรกิจเคมิคอลส์ มีนวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตเคมีภัณฑ์ ขั้นต้น ไปจนถึงขั้นปลาย เช่น เม็ดพลาสติกประเภทพอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน และพอลิไวนิลคลอไรด์ รวมถึงโซลูชันอย่างโซลาร์ฟาล์มลอยน้ำแบบครบวงจร  3) ธุรกิจแพคเกจจิ้ง (SCGP) มีนวัตกรรมที่หลากหลายจากบรรจุภัณฑ์จากกระดาษและพลาสติก ภาชนะบรรจุอาหาร รวมทั้งกระดาษ และเยื่อ

เอสซีจี จะยังคงมุ่งพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุม และหลากหลายยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ฉลาก SCG Green Choice เป็นร้อยละ 67 ภายในปี 2030 เพราะเราเชื่อว่า ฉลากนี้เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันเป้าหมาย Net Zero และช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคน และสร้างโลกที่ยั่งยืนในอนาคต” นางสาวปรวรรณ กล่าวปิดท้าย