ในโอกาสครบรอบ 5  ปีของการก่อตั้ง “มูลนิธิใบไม้ปันสุข” โดย บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาการศึกษา สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตเยาวชนไทย ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Sustainable Development Goals เป้าหมายที่ 4 Quality Education โดยเริ่มดำเนินกิจกรรมเพื่อเด็กและเยาวชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2560 ผ่านโครงการต่างๆ ครอบคลุมเยาวชนกว่า 15,000 คน จากสถานศึกษาเกือบ 200 แห่ง ใน 52 จังหวัดทั่วประเทศ มูลนิธิฯ จัดแถลงข่าวในวันเยาวชนแห่งชาติ 20 กันยายน 2565 ประกาศเป้าหมายเดินหน้าผลักดันคุณภาพชีวิตเยาวชนไทยต่อเนื่องผ่าน 3 โครงการสำคัญอย่างเป็นรูปธรรม  และประชาสัมพันธ์มูลนิธิฯ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงเชิญชวนผู้สนใจทั่วไปร่วมสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิฯ ผ่านการบริจาคในรูปแบบต่างๆ ทั้งการดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์ การบริจาคคะแนนสมาชิกบัตรน้ำมันบางจาก และการรับบริจาคผ่าน กล่องปันสุข กล่องรับบริจาคในร้านอินทนิล

 

          จากความมุ่งมั่นของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในการสร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนและสังคมไทยมาตลอดการดำเนินธุรกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2560 จึงได้สนับสนุนทุนตั้งต้นในการก่อตั้ง “มูลนิธิใบไม้ปันสุข” เป็นจำนวนกว่า 5 ล้านบาท เพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของเยาวชน ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนาทักษะ พร้อมสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ให้เด็กได้เรียนรู้และลงมือทำด้วยตนเอง อาทิ โครงการอ่านเขียน เรียนสนุก ปั้นเด็กจิ๋ว เป็นเด็กแจ๋ว ที่มุ่งฝึกทักษะการอ่าน เขียน อันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการศึกษา และ โครงการรักษ์ ปัน สุข จูเนียร์ จัดตั้ง 8 สถานีเรียนรู้ เพื่อปลูกจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อจัดการขยะ  โดยได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกับสถานศึกษาในเครือข่ายเกือบ 200 แห่ง ใน 52 จังหวัดทั่วประเทศ และมอบโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่เยาวชนไปแล้วกว่า 15,000 คน

            นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ประธานมูลนิธิใบไม้ปันสุข กล่าวว่า  มูลนิธิใบไม้ปันสุข เริ่มดำเนินงานตั้งแต่ปี 2560 ด้วยวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อมด้วยการเรียนรู้และลงมือทำเพื่อให้เยาวชนอ่านออกเขียนได้และมีคุณภาพชีวิตที่ดี” โดยเริ่มจากประเด็นที่เป็นรากฐานการศึกษา ให้ความสำคัญของการอ่านออก-เขียนได้ของเด็ก ๆ เพราะนั่นคือก้าวแรกที่สำคัญของการเรียนรู้ เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุก ๆ ด้าน หลังจากนั้นจึงเริ่มพัฒนาโครงการอื่น ๆ ตามมา เพื่อพัฒนาทักษะและพฤติกรรมที่จำเป็นต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีปลายทางคือสร้างสังคมที่มีความสุข โดยมูลนิธิฯ ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่มีความเชื่อ หลักการ วิธีทำงาน ที่คล้ายกัน ทำให้เราสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้สมบูรณ์แบบขึ้น ได้แก่ ทุ่งสักอาศรม บมจ. เอสซีจี เคมิคอลส์ และมูลนิธิมีชัย วีระไวทยะ ทำให้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯ มีความเชี่ยวชาญและพัฒนากิจกรรมด้านการศึกษาเพื่อต่อยอดงานร่วมกับพันธมิตรได้อย่างน่าสนใจและแข็งแรงขึ้น โดยในวันนี้ ซึ่งเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ เป็นโอกาสที่ดีที่จะประชาสัมพันธ์โครงการสำคัญทั้ง 3 โครงการได้แก่ “โครงการอ่านเขียนเรียนสนุก  ปั้นเด็กจิ๋วเป็นเด็กแจ๋ว” “โครงการรักษ์ ปัน สุข จูเนียร์” และ “โครงการโซลาร์ปันสุข” ให้เป็นที่รู้จัก รวมถึงเชิญชวนสนับสนุนกิจกรรมของมูลนิธิฯ ผ่านการบริจาคในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์
การบริจาคคะแนนบัตรสมาชิกบางจาก และการรับบริจาคที่กล่องปันสุขในร้านอินทนิล อีกด้วย   

          นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน กล่าวว่า “บางจากฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลาการดำเนินงานมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว การก่อตั้งและดำเนินการมูลนิธิใบไม้ปันสุขถือเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่จะดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม นอกเหนือไปจากกิจการเพื่อสังคมในระดับประเทศและกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน เรายิ่งมุ่งเน้นสร้างรากฐานของความยั่งยืนคือการพัฒนาเยาวชนทั้งในด้านการศึกษาและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Sustainable Development Goals เป้าหมายที่ 4 Quality Education เป็นเป้าหมายหลัก และขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายอื่น ๆ โดยเฉพาะเรื่อง เป้าหมายที่ 13 Climate Action เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดีด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและนโยบายชาติตามโมเดล BCG Economy โดยมีคณะกรรมการมูลนิธิฯ เป็นผู้ให้แนวทางในการทำงาน และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรมากมาย ที่สำคัญคือการได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากผู้บริหารและเพื่อนพนักงานในกลุ่มบริษัทบางจาก ทั้งในรูปแบบของคำแนะนำ การช่วยสนับสนุนโครงการต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบและการสละเวลามาร่วมเป็นพี่เลี้ยงอาสาเพื่อช่วยให้คำแนะนำและติดตามความคืบหน้าโครงการ เป็นไปตามวัฒนธรรมพนักงานของเราคือ ‘เป็นคนดี มีความรู้ เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น’