นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันจะอาศัยเพียงแค่การปรับตัวที่รวดเร็วเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่พอ โดยเฉพาะธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อแล้ว จะต้องอยู่กับสิ่งที่เลือกไปในระยะยาวหรือมีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้และเข้าใจความต้องการที่แท้จริง เพื่อมาศึกษาพัฒนาโปรเจคที่มีคุณค่าในสายตาผู้บริโภคในระยะยาว ด้วยเหตุดังกล่าว บริษัทจึงให้ความสำคัญด้านข้อมูล (Data) ที่สามารถนำมาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก ซึ่งจะช่วยให้สามารถส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่างผ่านงานออกแบบที่มีคุณภาพได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์อย่างยั่งยืน
เมื่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป การคำนึงถึงความต้องการของลูกค้า และการมองโลกด้วยมุมมองใหม่ๆ เท่านั้น ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถแข่งขันและเติบโตได้ ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กับเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็น National Property Company ชั้นนำของเมืองไทย เพราะหากมีข้อมูลที่ไม่ลึกและแม่นยำพอก็ไม่สามารถที่จะวิเคราะห์สินค้าให้ครองใจผู้บริโภคได้ “เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มลูกค้ามีความต้องการที่หลากหลายและเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้บริษัทได้นำกลยุทธ์มาใช้คือความแข็งแกร่งด้านการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำข้อมูลที่ได้ส่งให้แก่ทีมพัฒนาสินค้าด้านการออกแบบขององค์กร โดยถือเป็นหนึ่งในทีมเส้นเลือดหลักที่สร้างให้โปรเจกต์ต่างๆ ของบริษัทให้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องมาตลอด 36 ปีที่ผ่านมา ด้วยแนวคิด Customized Living Solutions ที่พร้อมจะส่งมอบความสะดวกสบายสูงสุดในการอยู่อาศัย ให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว” นายชูรัชฏ์ กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนาโครงการที่สร้างให้บ้านแต่ละหลังมีคาแรคเตอร์เฉพาะสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของผู้บริโภค
ปัจจุบัน ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้ปรับแนวคิดในการพัฒนาโครงการโดยเน้นมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยในรูปแบบใหม่ ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยแต่ละคาแรคเตอร์ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกันโดยใช้กลยุทธ์ Customized Living Solutions เข้ามานำเสนอและได้รับการตอบรับที่อย่างดีจากตลาด “สำหรับ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ การออกแบบบ้านถือเป็นงานศิลปะที่ต้องอาศัยความเข้าใจ ใส่ใจในรายละเอียด ตลอดจนความเชี่ยวชาญ และวิสัยทัศน์ มาหลอมรวมเพื่อให้เกิดเป็นผลงานที่มีคุณค่า ซึ่งบริษัทจะปรับแนวทางการออกแบบให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสิ่งใหม่ๆ อีกทั้งยังคิดเผื่อให้บ้านทุกหลังสามารถตอบโจทย์ทุกชีวิตของสมาชิกในครอบครัวได้กับทุกเจเนอเรชัน มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น คัดสรรวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีไซน์แต่ละมุมของบ้านให้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว และเพิ่มขนาดพื้นที่ส่วนกลางให้มีสีเขียวร่มรื่น ลดการเกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ด้วยการปลูกต้นไม้ยืนต้น เพื่อลดโลกร้อนจากก๊าซเรือนกระจก โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งที่ไม่ซ้ำใคร” นายชูรัชฏ์ กล่าว
นอกจากนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยังให้ความใส่ใจในด้านการออกแบบบ้านเพื่อรับกับ “เทรนด์สุขภาพ” ที่ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งที่อยู่อาศัยก็ยังเป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคต้องใช้ชีวิตอยู่ในทุกๆวัน บริษัทจึงได้พัฒนางานออกแบบและคัดสรรวัสดุเพื่อสร้างบ้านที่อยู่แล้วมีสุขภาพดี อาทิ เลือกใช้สีที่กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ไม่มีสารปรอทและสารตะกั่ว, มีการนำหลอดไฟ LED ที่ไม่มีรังสี UV รังสีอัลตร้าไวโอเลตและรังสีอินฟาเรดที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังมาใช้ พร้อมทั้งยังช่วยถนอมสายตาในการใช้งาน, คัดสรรกระเบื้องและสุขภัณฑ์ที่ผสมสาร Silver Nano สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้, ออกแบบโถงบันไดที่สูงเพื่อช่วยถ่ายเทอากาศภายในบ้าน และช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศเกินความจำเป็น เพราะเราเชื่อว่าบ้านที่ดีจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีตามไปเช่นกัน