เอพี ไทยแลนด์ โชว์ผลงานครึ่งปีแรก ทำยอดขาย-ยอดโอนนิวไฮ แนวราบโตไม่หยุด ดันยอดขายรวมกว่า 17,817 ล้านบาท ครึ่งปีหลังจ่อเปิดตัว 26 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 33,440 ล้านบาท เล็งขยายเซ็กเมนต์ใหม่ ตลาดแนวราบ Super Luxury แบรนด์ ‘บ้านกลางกรุง’ ราคา 35-60 ล้านบาท และคอนโดฯ ตลาดแมส แบรนด์ ‘ASPIRE’ ราคาเริ่มต้น 55,000-65,000 บาท/ตร.ม.
จากที่มีการคาดการณ์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยว่าการประกาศใช้มาตรการกึ่งล็อคดาวน์ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้มและสีแดง จะส่งผลให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจเดือนละ 40,000 ล้านบาท หรือ 0.25% ของ GDP โดยไตรมาสแรกของปีนี้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ออกมาประกาศว่าเศรษฐกิจไทยติดลบ 2.6% นอกจากนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะกลับมาเติบโต 2.5-3.5% แต่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีการปรับลดประมาณการว่าเศรษฐกิจในปีไทยนี้จะเติบโตเพียง 1.5-2.5 % เท่านั้น อย่างไรก็ดี พบว่าในประเทศที่ผ่านพ้นสถานการณ์วิกฤตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กันไปแล้ว โดยมีตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการกระจายวัคซีนสมบูรณ์แล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจได้กลับมาดีขึ้น เช่น ประเทศจีน ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจกลับมาเติบโตขึ้นถึง 18.6% ขณะที่สหรัฐอเมริกา ในไตรมาสแรก เศรษฐกิจกลับมาเติบโตขึ้น 0.4 % โดยหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่มียอดขายเติบโตอย่างเห็นได้ชัดคืออสังหาริมทรัยพ์ ซึ่งในเดือนมิถุนายน 2563 บ้านใหม่ในสหรัฐอเมริกามียอดขายปรับตัวสูงขึ้น 19.4%
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจไทยในขณะนี้มีความคล้ายคลึงกับสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีที่แล้ว ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในการฉีดวัคซีน แต่เมื่อมีการกระจายวัคซีนได้ดีและเริ่มมีภูมิคุ้มกันหมู่ เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาก็ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งหลังจากที่ประเทศไทยฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย สถานการณ์ก็จะกลับมาดีขึ้นเช่นกัน
นายวิทการ กล่าวอีกว่าในวิกฤตนี้ทุกภาคส่วนล้วนได้รับผลกระทบ รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยในส่วนของการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่พบว่าลดลงไปมากพอสมควร ใน 4 เดือนแรกของปี 2564 ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 13,000 ยูนิต ลดลง 33% จากปีก่อนหน้าที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 20,200 ยูนิต โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่มีการเปิดตัวลดลงถึง 55% อย่างไรก็ตามใน 4 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์มีจำนวนลดลงประมาณ 22% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าอุปสงค์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่ หากผู้ประกอบการที่มีความพร้อม สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เตรียมความพร้อมเรื่องแบรนด์ดิ้งและการเงินได้ดี ก็จะสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้
“สำหรับเอพี ไทยแลนด์ เราดำเนินนโยบายแบบเตรียมความพร้อมตลอดเวลา ทั้งในเรื่องการพัฒนาคน เรามีบุคลากรที่เป็นมืออาชีพ มีพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรามีระบบและกระบวนการพัฒนาโครงการ ทั้งการออกแบบสินค้าและกระบวนการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพ มีแบรนด์ดิ้งที่แข็งแรง และมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่พร้อมบุกตลาดใหม่ๆ เสมอ ทำให้แม้เราจะโดนผลกระทบแต่เราก็สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และเมื่อสถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปรกติ เราก็จะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้” นายวิทการ กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับเอพี ไทยแลนด์ ครึ่งปีแรกทำนิวไฮได้สูงสุดทั้งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ โดยมียอดขาย 17,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 18% เมื่อเทียบกับครึ่งปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 1,6430 ล้านบาท หรือคิดเป็น 90% ของยอดขายโดยรวม ส่งผลให้ภาพรวมสินค้าแนวราบในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้นกว่า 28% โดยเฉพาะไตรมาส 2 เพียงไตรมาสเดียว สินค้าแนวราบมียอดขายสูงกว่า 9,100 ล้านบาท และหากรวมยอดขายคอนโดมิเนียม ในไตรมาส 2 บริษัทจะมียอดขายกว่า 9,800 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เอพีมียอดขายสูงที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก ด้านยอดโอนกรรมสิทธิ์ ครึ่งปีแรกคาดว่าบริษัทน่าจะทำได้สูงกว่า 20,000 ล้านบาท
นายวิทการ เผยอีกว่า ในครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมรุกการพัฒนาโครงการไปในเซ็กเมนต์ใหม่ ด้วยการขยับขึ้นตลาดบนในระดับ Super Luxury โดยไฮไลต์ที่น่าสนใจคือการนำแบรนด์ ‘บ้านกลางกรุง’ กลับมาพัฒนาอีกครั้ง ด้วยจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ตั้งในการพัฒนาโครงการที่จะอยู่ใจกลางกรุง นำร่องโครงการแรกกับ บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์-พระราม 3 บ้านเดี่ยวหรู บนทำเลใจกลางเมือง เอกสิทธิ์เพียง 13 ครอบครัว ราคาเริ่มต้น 35-60 ล้านบาท ซึ่งพร้อมจัดงาน Pre-Sale ในเดือนกันยายนนี้
บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์-พระราม 3

นอกจากนั้น ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม บริษัทเตรียมขยายโปรดักส์ไปยังตลาดแมสมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับโฉมแบรนด์ ‘ASPIRE’ (แอสปาย) ภายใต้คอนเซ็ปต์ LIVE AS ‘YOU’ ASPIRE : Living at Aspire , Create YOUR Aspiring Life เลือกใช้ชีวิตในแบบที่อยากจะเป็น โดยมุ่งพัฒนารูปแบบโครงการกับ 4 จุดขายใหม่ ได้แก่ CITY-ZONE LOCATION เจาะทำเลในเมือง จำนวนยูนิตน้อย เดินทางสะดวกด้วยระบบคมนาคมวันนี้และอนาคต MODULAR LAYOUT DESIGN สเปซดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานได้ตามใจ UNCOMPROMISED FACILITIES พื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม และ UNEXPECTED PRICE PACKAGE แพคเกจราคาขายที่สอดรับกับกลุ่มเป้าหมาย ราคาเริ่มต้นประมาณ 55,000-65,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งพร้อมเปิดตัวใน 2 ทำเลได้แก่ ASPIRE รัตนาธิเบศร์-เวสต์ตัน ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท และ ASPIRE ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 ต่อไป

ทั้งนี้ ในปี 2564 เอพี ไทยแลนด์มีแผนพัฒนาโครงการใหม่รวมทั้งสิ้นจำนวน 31 โครงการ มูลค่าประมาณ 37,500 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 27 โครงการ มูลค่าประมาณ 24,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรก บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่า 4,060 ล้านบาท และครึ่งปีหลังเปิดตัวอีก 26 โครงการ มูลค่ารวม 33,440 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 22 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,440 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท และมีแผนการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนโดใหม่ LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ และ LIFE อโศก ไฮป์ มูลค่ารวม 12,300 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 64 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) เพื่อรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 3 ปี มากถึง 40,552 ล้านบาท



