บริษัท ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด อีกหนึ่งผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่ออกมาประกาศหนุนให้แบงก์ชาติยกเลิก LTV ชั่วคราว เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย
นายวรยุทธ กิตติอุดม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยยกเลิกมาตรการ Loan-to-Value (LTV) ชั่วคราว โดยมุ่งเน้นถึงความสำคัญของการสนับสนุนผู้ซื้อบ้านที่แท้จริงในยุคปัจจุบัน
นายวรยุทธ กล่าวว่า ในอดีตมีผู้จองคอนโดมิเนียมหลายห้องโดยหวังจะขายต่อเพื่อได้กำไร แต่เมื่อขายไม่ได้ก็ไม่มาโอน ทำให้ผู้ประกอบการเกิดปัญหาขายคอนโดมิเนียมไม่หมด นำไปสู่การมีสต๊อกค้างในตลาด อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ได้หมดไปแล้วในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะโครงการแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ที่ไม่ได้มีเป้าหมายเรื่องการเก็งกำไร แต่เป็นกลุ่มที่ต้องการกู้ 100% และต้องการอยู่อาศัยจริงเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง ด้วยหลายปัจจัย อาทิ การย้ายถิ่นฐานเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพชีวิต เนื่องจากผู้ซื้อบ้านหลายคนย้ายจากคอนโดในเมืองที่มีฝุ่นควัน PM2.5 มาหาที่อยู่อาศัยในชานเมืองที่อากาศบริสุทธิ์และมีค่าครองชีพต่ำ นอกจากนี้ผู้ซื้อบ้านแนวราบบางคน ยังมีภาระผ่อนบ้านหลังแรกอยู่แล้ว การที่จะซื้อบ้านหลังที่สองโดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ 10% จะช่วยให้พวกเขามีเงินสำรองไว้ใช้ในการซื้อของจำเป็นหรือเป็นเงินฉุกเฉิน การบังคับให้มีเงินดาวน์ 10% เป็นภาระที่เกินความจำเป็นและไม่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อบ้าน
นายวรยุทธ กล่าวถึงประโยชน์ที่จะได้จากการยกเลิก LTV ชั่วคราว ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวม เพราะเกิดกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ช่วยให้ผู้ซื้อบ้านสามารถกู้เงินได้ในจำนวนที่สูงขึ้น ช่วยลดปัญหาสต๊อกบ้านค้างขายในตลาด เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจ เพราะหากมีการลงทุนเพิ่มในอสังหาฯ ก็จะส่งผลดีต่อการจ้างงานในหลายภาคส่วน เช่น การก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และการตกแต่งภายใน อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจในตลาด เมื่อผู้ประกอบการและผู้ซื้อมีความเชื่อมั่น ย่อมส่งผลให้ตลาดมีความคึกคักและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
“การยกเลิก LTV ชั่วคราวหรือการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อให้ผู้ซื้อบ้านมีความยืดหยุ่นในการกู้เงินมากขึ้น จะช่วยสนับสนุนผู้ที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริง เป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถช่วยให้ตลาดอสังหาฯ มีความคึกคักและตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของผู้ซื้อบ้านในยุคปัจจุบัน ดังนั้น ธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้การตัดสินใจนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รวมไปถึงธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความรู้และคำปรึกษาเกี่ยวกับการกู้เงินและการจัดการการเงิน เพื่อให้ผู้ซื้อบ้านสามารถวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม และการสนับสนุนการออม เพื่อให้ผู้ซื้อมีเงินออมเพื่อใช้จ่ายในการตกแต่งบ้านใหม่หรือเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้นอีกด้วย” นายวรยุทธ กล่าวทิ้งท้าย