กลุ่ม “สวาทยานนท์” ผนึกพันธมิตรตั้ง “เพลินพัฒน์ แอสเสท” ผุดโครงการอสังหาฯ แนวราบในพื้นที่กทม.-หัวเมืองท่องเที่ยว กระแสตอบรับดีเกินคาด หลังเปิดตัวปิดขายแล้ว 3 โครงการ ระบุภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 67 ยังมีความท้าทาย บ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทยังน่าห่วง ยอด Reject พุ่งสูง ประกาศสวนกระแสตลาดผุด 7 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 3,734 ล้านบาท รับปีมังกร พร้อมขยายเซกเมนต์ชิงส่วนแบ่งตลาดลักชัวรี ในกทม.-ภูเก็ต กางโรดแมป 5 ปี พอร์ตรวมทั้งสิ้น 5,000-6,000 ล้านบาท อนาคตนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งเป้าปีนี้กวาดยอดขายรวม 1,400-1,500 ล้านบาท และยอดโอน 900 ล้านบาท
นายพงศ์ศักดิ์ สวาทยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ทั้งธุรกิจของครอบครัวและร่วมทุนพันธมิตรมาหลายโครงการ เป็นระยะเวลาหลายสิบปี และมองว่าที่อยู่ที่อาศัย โดยเฉพาะโครงการแนวราบ ยังเป็นปัจจัย 4 ที่ทุกคนมีความต้องการ ดังนั้น ในปี 2561 จึงได้ร่วมกับพันธมิตรก่อตั้ง บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยตนถือหุ้นในสัดส่วน 51% และอีก 49% เป็นการถือหุ้นโดยพันธมิตรอีก 2-3 กลุ่ม โดยการพัฒนาแต่ละโครงการจะตั้งบริษัทในเครือขึ้นมาพัฒนา ภายใต้แบรนด์ “Maison Development”(เมซัน ดีเวลลอปเม้นท์)
นายณัฐพล ปิติเจริญทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการพัฒนาแนวราบ ระดับราคา 2-5 ล้านบาทเป็นหลัก ในทำเลในกรุงเทพฯ โซนเหนือ-ตะวันออก-ตะวันตก จ.สมุทรปราการ และอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยที่ผ่านมาพัฒนามาแล้ว 6 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,325 ล้านบาท และปิดการขายไปแล้ว 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,132 ล้านบาท ได้แก่ เอ็มเวนิว เวสต์เกต ย่านบางรักพัฒนา จ.นนทบุรี รูปแบบบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 4-6 ล้านบาท จำนวน 54 ยูนิต มูลค่าโครงการ 212 ล้านบาท, เอ็มไลฟ์ บางนา-ลาดกระบัง ย่านอ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ รูปแบบทาวน์โฮม 2 ชั้น และโฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น ราคา 2-4 ล้านบาท จำนวน 66 ยูนิต มูลค่าโครงการ 190 ล้านบาท และเอ็มไลฟ์ บางแค-สาทร ย่านถนนกาญจนาภิเษก รูปแบบทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 204 ยูนิต มูลค่าโครงการ 730 ล้านบาท
ส่วนอีก 3 โครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดขาย มีมูลค่าประมาณ 1,193 ล้านบาท โดยทุกโครงการมียอดขายประมาณ 80% และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ทั้งหมดภายในปี 2567 นี้ ประกอบด้วย เอ็มไลฟ์ ลำลูกกา-คลอง 4 ย่านอ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี รูปแบบทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคา 2-4 ล้านบาท จำนวน 210 ยูนิต มูลค่าโครงการ 473 ล้านบาท, เอ็มไลฟ์ สุขุมวิท-บางปู 87 ย่านบางปูใหม่ จ.สมุทรปราการ รูปแบบของบ้านแฝดและทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคา 2-4 ล้านบาท จำนวน 173 ยูนิต มูลค่าโครงการ 460 ล้านบาท และศรีราชา ฮิลล์ไซด์ ทาวน์ สุขุมวิท- ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รูปแบบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และ อาคารพาณิชย์ ราคา 4-7 ล้านบาท จำนวน 63 ยูนิต มูลค่าโครงการ 260 ล้านบาท
นายพงศ์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2567 จะเป็นปีที่ท้าทาย โดยบ้านระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยังมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นเซกเมนต์ที่มียอด Reject สูง และหนี้เสียที่เพิ่มมากขึ้น เพราะสถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่ในส่วนของบริษัทฯ แม้จะพัฒนาบ้านในระดับราคา 2-5 ล้านบาท แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่ดินที่พัฒนา ทำให้มียอดขายและยอดโอนที่ดี ซึ่งเป็นการเปิดขายในช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 ทำให้ไม่ประสบปัญหาในเรื่องยอด Reject มากนัก ยิ่งหลังวิกฤติโควิด-19 ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 นี้ จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 7 โครงการ รวมมูลค่า 3,734 ล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ, ชลบุรี และภูเก็ต โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับแผนรุกพัฒนาบ้านระดับลักชัวรี ระดับราคาตั้งแต่ 7-20 ล้านบาท ถึงจำนวน 6 โครงการ คือที่ กรุงเทพฯ 5 โครงการ และภูเก็ต 1 โครงการ โดยมีที่ดินรองรับทั้งหมดแล้ว ประกอบด้วย
1.ไมซัน ฮิลล์ สุขุมวิท-ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รูปแบบทาวน์โฮม ราคา 2.3-3.5 ล้านบาท บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ราคา 3.9-4.2 ล้านบาท รวม 176 ยูนิต มูลค่าโครงการ 558 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดพรีเซลไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 150 ล้านบาท
2.มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม 2 ย่านบางขุนเทียน รูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคา 7.5-14 ล้านบาท จำนวน 103 ยูนิต มูลค่า 1,060 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนพฤษภาคม 2567
3.เอ็ม เวนิว พระราม3-สุขสวัสดิ์ 62 บริเวณซอยประชาอุทิศ 27 รูปแบบทาวน์โฮม 3 ชั้น ราคา 4.9-6 ล้านบาท จำนวน 42 ยูนิต มูลค่าโครงการ 257 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนตุลาคม 2567
4.แกรนด์ มอร์เกน ไพรเวซี่ พรานนก-สาย1 บริเวณถนนบางเชือกหนัง บ้านเดี่ยว 2 ชั้น รูปแบบพูลวิลล่า ราคา 18-20 ล้านบาท จำนวน 14 ยูนิต มูลค่าโครงการ 270 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนพฤศจิกายน 2567
5.แกรนด์ มอร์เกน พรานนก-สาย2 รูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคา14-16 ล้านบาท จำนวน 64 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนพฤศจิกายน 2567
6.มาร์วิช สาธุประดิษฐ์-พระราม3 รูปแบบทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ราคา 14-16 ล้านบาท จำนวน 29 ยูนิต มูลค่าโครงการ 420 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในเดือนพฤศจิกายน 2567
7.เมซัน สกาย วิลล่า ภูเก็ต บริเวณหาดไม้ขาว ตรงข้ามสนามบินภูเก็ต รูปแบบของพูลวิลล่า 3 ชั้น ราคา 20-25 ล้านบาท จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 180 ล้านบาท จะเปิดพรีเซลในช่วงเดือนตุลาคม 2567
โดยทุกโครงการอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2567-2569
เมซัน สกาย วิลล่า ภูเก็ต
“ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 5 ปีนี้ จะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบ ระดับราคาตั้งแต่ 3-20 กว่าล้านบาทขึ้นไปเป็นหลัก ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน และต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ต ซึ่งยังมีที่ดินย่านหาดในทอน สะสมเหลืออยู่อีกประมาณหลาย 10 ไร่ โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะทำให้บริษัทมีพอร์ตรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และในอนาคตก็สนใจที่จะนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย ส่วนจะเป็นตลาดไหนต้องขอใช้ระยะเวลาในการศึกษาข้อมูลก่อน” นายพงศ์ศักดิ์ กล่าว
มอร์เกน บางขุนเทียน-พระราม 2
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายรวมไว้ที่ 1,400-1,500 ล้านบาท และยอดโอน 900 ล้านบาท จาก 3 โครงการเดิมและ 7 โครงการที่จะเปิดตัวใหม่ในปี 2567 นี้