นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัยในไทยยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว เนื่องจากสังคมไทยมีพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่รองรับการขยายครอบครัว รวมไปจนถึงการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุน ซึ่งส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารในปี 2566 จะยังคงสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 5% จากเป้าหมายในปี 2565 ที่ 226,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น  240,000 ล้านบาท ในปี 2566 หรือปล่อยได้ไม่น้อยกว่า 250,000 ล้านบาท

ขณะที่สถานการณ์ของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในขณะนี้มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งสถานการณ์ของโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ธนาคารพาณิชย์เริ่มกลับเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ที่อยู่อาศัยมีราคาสูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการลงทุนก่อสร้าง ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และกำลังซื้อของประชาชนที่แม้จะเริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่เท่ากับการปรับขึ้นของราคาที่อยู่อาศัยและอัตราดอกเบี้ย ทำให้ ธอส. ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ธนาคารสามารถลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่มีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย และสามารถรับมือกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เกิดขึ้น ดังนั้น คณะกรรมการธนาคาร จึงได้มีมติเห็นชอบให้ธอส. ลงทุนพัฒนาทางด้านระบบเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลใหม่ๆ ด้วยงบประมาณลงทุนรวมไม่เกิน 400 ล้านบาท โดยใช้ชื่อว่า end to end process หรือการให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของธนาคารได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายผ่านบริการด้านดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและลดต้นทุนการดำเนินงานของธนาคารไปพร้อมกัน โดยปัจจุบัน ธอส. ได้มีการพัฒนา Application : GHB ALL BFRIEND เพื่อให้บริการลูกค้าที่ประสบปัญหาในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านได้รับทางเลือกและเงื่อนไขการชำระหนี้ที่เหมาะสมกับปัญหา ให้บริการทั้งในด้านการตรวจสอบข้อมูลบัญชีเงินกู้ อาทิ เงินงวดที่ต้องผ่อนชำระตามเงื่อนไขของมาตรการ การยื่นคำร้องประนอมหนี้ และยื่นคำร้องฝากขายทรัพย์ โดยเริ่มเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2565 และยังอยู่ระหว่างการพัฒนา Application : GHB ALL HOME ให้มีครบทุกความต้องการ เรื่องบ้านมือสอง ธอส. ที่พัฒนาต่อยอดจาก Application :  GHBank Smart NPA สามารถให้บริการได้หลากหลายยิ่งขึ้น อาทิ ค้นหารายการทรัพย์ และแสดงรายละเอียดข้อมูลบ้านมือสองของธนาคาร รวมถึงการยื่นคำร้องขอดูสภาพของที่อยู่อาศัยในสถานที่จริง การจองซื้อบ้าน การประมูลออนไลน์ พร้อมเพิ่มบริการชำระเงินมัดจำ เงินดาวน์ รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการซื้อทรัพย์ของธนาคาร อีกทั้งลูกค้าสามารถยื่นคำร้องต่างๆ ผ่าน Application นี้ได้อีกด้วย และมีกำหนดเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2565 

ส่วน ในด้านสินเชื่อ ธอส.ก็มี Application : GHB ALL GEN ถือเป็น Application ใหม่ที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้นมาด้วยงบลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้งานแทน Application :  GHB ALL เดิม ที่ปัจจุบันมีลูกค้าสมัครและใช้บริการอยู่มากกว่า 1 ล้านคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นและรองรับลูกค้าของ ธอส. ได้ทุก Generation ปัจจุบันการพัฒนาบริการเฟสที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้วและเริ่มเปิดให้พนักงานของธนาคารดาวน์โหลดเพื่อทดสอบใช้งานตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2565 ก่อนที่จะเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดใช้งานเฟสที่ 1 ได้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 และเมื่อ GHB ALL GEN พัฒนาได้สมบูรณ์ทุกบริการแล้ว จะทำให้ลูกค้าเข้าถึง ธอส. ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยสามารถปรึกษากับพนักงานสินเชื่อ Digital LO (Loan Officer) ได้เสมือนเดินทางไปที่สาขา โดยธนาคารจะถ่ายโอนลูกค้าจาก Application : GHB ALL ไปสู่ GHB ALL GEN ให้ได้ทั้งหมดภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ซึ่งในขณะนั้นบริการต่างๆ ใน GHB ALL GEN จะให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ  

นอกจากจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ธอส. ยังมีการนำ Data Analytic ทางด้านการประเมินราคาที่อยู่อาศัยมาพัฒนาระบบ Digital Appraisal ทำให้ลูกค้าทราบราคาประเมินบ้านเบื้องต้นได้ทันทีในขณะยื่นกู้กับเจ้าหน้าที่ โดยราคาจะเบี่ยงเบนจากราคาหลังเจ้าหน้าที่เข้าประเมินจริงไม่เกิน 8% และจากเดิมที่ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ลงสำรวจที่อยู่อาศัยจริงซึ่งจะทำให้ผู้กู้ทราบราคาประเมินอย่างเป็นทางการได้ในระยะเวลา 3-7 วันหลังยื่นเอกสารคำขอกู้ เมื่อเรื่องเข้าสู้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารจะมีการแจ้งเตือนผลการพิจารณาผ่าน Notification ของ GHB BUDDY บน Line Application โดยกระบวนการแบบดิจิทัลข้างต้น กรณีที่ลูกค้ามีเอกสารประกอบการยื่นกู้ให้กับเจ้าหน้าที่ได้ครบถ้วน ไม่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่ออื่นๆ ที่ไม่ปกติ คาดว่าลูกค้าจะสามารถทราบผลการพิจารณาได้โดยใช้เวลาเพียง 3 วันทำการ และลูกค้ายังสามารถเซ็นสัญญาเงินกู้แบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการลงนามรูปแบบกระดาษได้ด้วย e-Contract ซึ่งธนาคารจะโอนเงินกู้ค่าซื้อที่อยู่อาศัยเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แทนการจัดทำแคชเชียร์เช็ค ทำให้ผู้ขายไม่ต้องเสียเวลาและลดขั้นตอนนำแคชเชียร์เช็คที่ได้รับจากผู้ซื้อไปขึ้นเงินเหมือนที่ผ่านมา และหลังจากลูกค้าทำนิติกรรมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองที่กรมที่ดินเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าสามารถรับโฉนดที่ดินฉบับจริงกลับบ้านได้ทันที ด้วยโครงการจัดเก็บ Electronic File แทนเอกสารสิทธิ์ต้นฉบับ (ไม่เก็บโฉนด) โดยธนาคารจะจัดเก็บโฉนดในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์แทนการจัดเก็บเอกสารฉบับจริง ทำให้ลูกค้าจะได้รับโฉนดฉบับจริงกลับบ้านในวันทำนิติกรรมได้ทันที และเมื่อได้เป็นลูกค้าของ ธอส. แล้วก็จะสามารถผ่อนชำระเงินกู้ผ่าน GHB ALL GEN ได้ทันทีโดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา

นายฉัตรชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ผลการดำเนินงานในปัจจุบันของ ธอส. ยังคงมีความแข็งแก่รง โดยคาดว่าในปี 2565 จะปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 300,000 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยธนาคารมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ถึง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยอยู่ที่ 68,000 ล้านบาท คิดเป็น 4.41% ของสินเชื่อรวม 1.6 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันยังต้องบริหารจัดการให้ธนาคารมีกำไรตามเป้าหมายตัวชี้วัด 13,400  ล้านบาท เพื่อนำ 45% ของกำไรส่งเป็นรายได้ให้กับกระทรวงการคลังนำไปใช้จ่ายเป็นงบประมาณแผ่นดินต่อไป