นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเผยสมาชิกกินส่วนแบ่ง 10,000 ล้าน จากเค้กก้อนใหญ่ 210,000 ล้านของตลาดรับสร้างบ้านทั้งประเทศ ชี้ 2 ดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ที่ลงมาเป็นผู้เล่นในตลาดเพิ่มได้เปรียบเรื่องแบรนด์และความเร็ว ไม่กังวลต้องแบ่งเค้กเพิ่มด้วยจุดต่างด้านคุณภาพและบริการ ขณะที่ผู้บริโภคได้ประโยชน์เพิ่ม

นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) กล่าวว่าตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศมีมูลค่ารวม 210,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ในส่วนของสมาชิกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน 10,000 ล้านบาท หรือประมาณ 5% ของมูลค่ารวม ที่เหลืออยู่ในมือผู้รับเหมารายย่อย โดยในกรุงเทพฯ ผู้บริโภคจะเลือกใช้บริการรับสร้างบ้านจากสมาชิกสมาคมประมาณ 20% ส่วนในต่างจังหวัดจะเลือกใช้บริการรับสร้างบ้านจากสมาชิกสมาคมประมาณ 5% เท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่รู้จักธุรกิจรับสร้างบ้านมากเท่าที่ควร ซึ่งสมาคมก็จะพยายามสื่อสารไปยังผู้บริโภคให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการใช้บริการรับสร้างบ้านจากบริษัทรับสร้างบ้านและผู้รับเหมา ทั้งในด้านของคุณภาพ แบบบ้าน และบริการที่ครบวงจร เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการธุรกิจรับสร้างบ้านมากขึ้น โดยในปีนี้ก็คาดว่า จะมีผู้ใช้บริการจากสมาชิกสมาคม 10,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา

สำหรับในกรณีที่มีดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ 2 ราย ประกาศรุกธุรกิจรับสร้างบ้าน นายอนันต์กร แสดงความคิดเห็นว่า “ต้องเข้าใจว่าธุรกิจรับสร้างบ้านกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของดีเวลล็อปเปอร์มีการบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ถามว่าโดยส่วนตัวและสมาคมกังวลใจเรื่องนี้หรือไม่ จะไม่กังวลใจเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่คงต้องดูสักพักว่าทิศทางธุรกิจรับสร้างบ้านของดีเวลล็อปเปอร์ที่ลงมาเป็นผู้เล่นเพิ่มในตลาดนี้จะมาแบบไหน ซึ่งประมาณ 1 ปีก็คงพอจะทราบ แต่จากข้อมูลในเบื้องต้น ก็อาจจะมีจุดขายด้านความรวดเร็ว และมีรายหนึ่งที่จะเจาะกลุ่มบ้านบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยใช้แบบบ้านของตนเองมาตัวเลือกให้ลูกค้า”

นายอนันต์กร กล่าวอีกว่า การที่ดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ที่เข้ามาเป็นผู้เล่นเพิ่มในตลาดรับสร้างบ้านอาจจะมีความได้เปรียบในบางเรื่อง แต่ก็ยังมีความแตกต่างจากการให้บริการของบริษัทรับสร้างบ้านในบางเรื่องเช่นกัน

“การที่ดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ที่เข้ามาเป็นผู้เล่นเพิ่มในตลาดรับสร้างบ้าน จะมีความได้เปรียบในเรื่องของแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จัก และความรวดเร็วในกระบวนการก่อสร้าง เนื่องจากทั้ง 2 ราย มีโรงงานพีคาส์เป็นของตนเอง อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการรับสร้างบ้านจะมีความแตกต่างจากลูกค้าบ้านจัดสรร คือไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของความรวดเร็วเป็นหลัก แต่จะให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพมากกว่า และส่วนใหญ่ก็จะไม่นิยมโครงสร้างสำเร็จรูป แต่จะชอบโครงสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนแบบดั้งเดิม รวมไปจนถึงการให้บริการ ซึ่งความแตกต่างคือการบริการของบริษัทรับสร้างบ้านจะใช้สถาปนิกและวิศวกรดูแลด้านการออกแบบและให้คำปรึกษาตลอดตั้งแต่ต้นจนสร้างบ้านเสร็จ แต่ดีเวลล็อปเปอร์จะใช้พนักงานขายกับวิศวกรให้บริการ ขณะที่บริษัทรับสร้างบ้านจะมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการการรับสร้างบ้านหลายๆ พื้นที่ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ดีเวลล็อปเปอร์จะเชี่ยวชาญสร้างบ้านหลายหลังในพื้นที่เดียว และอาจจะมีแบบบ้านรองรับความต้องการของลูกค้าได้น้อยกว่า” นายอนันต์กร กล่าว

นายอนันต์กร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “แม้ดีเวลล็อปเปอร์ที่ลงมาเล่นในตลาดจะมีความได้เปรียบในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้มองว่าเขาจะมาชิงเค้กก้อน 10,000 ล้านบาทจากเรา แต่จะไปชิงเค้กก้อน 210,000 ล้านบาทในส่วนของผู้รับเหมามากกว่า เพราะเค้ามาแข่งเรื่องความเร็วและมีแบบบ้านมาตรฐาน แต่หากจะแข่งขันด้านราคา ซึ่งตอนนี้เราไม่แน่ใจว่าเขาจะมาในราคาไหน  หากลงมาเล่นในระดับราคา 30,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป เราคงไม่สะเทือน แต่หากลงมาเล่นในราคา 15,000 บาท/ตร.ม.ก็อาจจะสะเทือนสำหรับบริษัทสมาชิกที่รับสร้างบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และหากมาเล่นในระดับราคา 18,000 บาท/ตร.ม. ก็จะไปสะเทือนบริษัทสมาชิกที่รับสร้างบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านก็ควรจะปรับตัวเพื่อรับมือ โดยดูว่าตนเองมีจุดเด่นในด้านใด และทำให้ลูกค้าเห็นถึงความแตกต่าง รวมทั้งต้องมีการพัฒนาสินค้าให้มีรูปแบบที่สวยงาม พัฒนาในเรื่องของคุณภาพ และการกำหนดราคาที่เหมาะสม ส่วนเรื่องแบรนด์ คงต้องทำทั้งสมาคม โดยการสร้างการรับรู้ให้สมาคมเป็นที่รู้จักมากขึ้น แม้ว่าสมาชิกบางรายจะมีแบรนด์ที่เข้มแข็งมากอยู่แล้ว”

“อย่างไรก็ตาม การที่มีดีเวลล็อปเปอร์ลงมาเป็นผู้เล่นในตลาดนี้ก็มีข้อดี เพราะดีเวลล็อปเปอร์ที่เข้ามาทำธุรกิจรับสร้างบ้าน เป็นดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนั้นผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกมากขึ้น และทำให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านตื่นตัว เร่งสร้างจุดขายของตนเอง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคเช่นกัน” นายอนันต์กร กล่าวทิ้งท้าย