“นายณ์ เอสเตท” จับมือ “ลิฟเวล” ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการและการดูแลผู้สูงวัย เปิดตัวโครงการ “นายาเรสซิเดนซ์” บ้านพักริมแม่น้ำเจ้าพระยา” รูปแบบให้เช่ารายเดือนและระยะยาวสูงสุดนาน 30 ปี พร้อมบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์วิถีชีวิตของคน “วัยอิสระ” ราคาเช่าเริ่มต้น 40,000 บาท/เดือน

นางอรฤดี ณ ระนอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด และผู้บริหารโครงการ นายาเรสซิเดนซ์ (Naya Residence) เปิดเผยว่า จากสถิติพบว่าในปี 2020 (พ.ศ.2563) ประชากรโลกที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปนั้น มีจำนวนมากกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก ในประเทศไทยเองก็ได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ไปแล้ว (สังคมที่มีคนอายุ 60 ปีขึ้นไปสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งประเทศ ตามคำนิยามขององค์การสหประชาชาติ) และคาดการณ์ว่าภายในปี 2578 ไทยเราจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงวัยเต็มตัว (คนอายุ 60 ปีสัดส่วน 30% ของประชากรทั้งประเทศ) ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงมีการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับสังคมผู้สูงวัย ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกตามไปได้วย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าผู้สูงวัยที่มีสุขภาพแข็งแรง กระฉับกระเฉง แสวงหาคุณค่าในตัวเองและสามารถดูแลตนเองได้ หรือเรียกว่า “วัยอิสระ” มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และเป็นกลุ่มต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีมากขึ้น นายณ์เอสเตท ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มายาวนานมองเห็นแนวโน้มดังกล่าว จึงได้ริเริ่มแนวคิดและบุกเบิกการพัฒนาโครงการบ้านพักของคนวัยอิสระขึ้น เพื่อตอบโจทย์ เทรนด์การพัฒนาสังคมผู้สูงวัยที่มีคุณภาพและสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนวัยเกษียณโดยเฉพาะกลุ่มที่เรียกว่า “วัยอิสระ” โดยอยู่ภายใต้การบริหารดูแลโดย ลิฟเวล (Livwell) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ ดูแลผู้สูงอายุด้วยทีมงานบริหารระดับมืออาชีพ นำโดยแพทย์หญิงนาฏ ฟองสมุทร ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการด้านผู้สูงอายุมากว่า 23 ปี มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับโครงการที่พักผู้สูงอายุ (senior living) กับทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ โครงการสวางคนิเวศ ของสภากาชาดไทย

สำหรับ โครงการ นายาเรสซิเดนซ์ เป็นโครงการพร้อมเข้าอยู่ ตั้งอยู่ในริเวอร์ไรน์ วิลเลจ บนเนื้อที่กว่า 23 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งประกอบด้วย 4 อาคาร ได้แก่ อาคารคอนโดมิเนียม ริเวอร์ไรน์เพลส อาคารสำนักงาน นารายณ์ พร็อพเพอตี้ อาคารนารายณ์ คลับ และ อาคารโรงแรมริเวอร์ไรน์ เพลส & นายาเรสซิเดนซ์ โดยในส่วนโครงการ นายาเรสซิเดนซ์ อยู่ในอาคารเดียวกับโรงแรมริเวอร์ไรน์ เพลส แบ่งสัดส่วนพื้นที่เป็น 50:50 สำหรับตัวโครงการนายาเรสซิเดนซ์ ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 70 ห้อง มีให้เลือก 2 แบบ คือ ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 62 – 76 ตร.ม. และขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย105 – 120 ตร.ม. ออกแบบภายในด้วยบรรยากาศอบอุ่น ภายใต้หลัก Universal Design คัดสรรอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและวัสดุที่เหมาะสมกับวัยอิสระ พื้นห้องนุ่มรับแรงกระแทก เฟอร์นิเจอร์ถูกออกแบบพิเศษเพื่อรองรับการใช้ wheel chair ในอนาคต นอกจากนั้นทุกห้องพักยังติดตั้งระบบดูแลสุขภาพ SCG DoCare ซึ่งเป็นเทคโนโลยี IOT พร้อมปุ่มเรียกฉุกเฉิน ซึ่งบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะไปถึงห้องพักภายใน 4 นาที นอกจากนั้นยังมีที่วัดอุณหภูมิ ความดัน ปริมาณออกซิเจนในร่างกาย และนาฬิกา เชื่อมต่อกับระบบที่ห้องดูแลสุขภาพของลิฟเวล (CARE) โดยมีพยาบาลวิชาชีพประจำ 24 ชั่วโมง

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบเฉพาะวัยอิสระของโครงการฯ ได้แก่ ห้องบริหารร่างกายด้วยอุปกรณ์เฉพาะของวัยอิสระ ห้องกายภาพบำบัดโดยนักกายภาพที่เชี่ยวชาญเฉพาะ (FIT) และห้องจัดกิจกรรมของลิฟเวล (CLUB) เพื่อสังสรรค์ร่วมทำกิจกรรมนันทนาการ นอกจากนี้ลิฟเวลมีบริการอาหารเช้า ซักรีด และทำความสะอาดห้องพัก พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางภายใต้การบริหารจัดการของ NARAI CLUB – HEALTH & FITNESS อาทิ ลู่เดินวิ่งแวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำขนาด 50 ม. ห้องยิม ห้องออกกำลังกายแอโรบิคส์  โยคะ พิลาทิส สนามเทนนิส แบดมินตัน มวย นอกจากนี้ ในริเวอร์ไรน์วิลเลจยังมีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ ห้องฟังค์ชั่น ห้องอาหาร ร้านทำผม และร้านสะดวกซื้อ

ทั้งนี้ นายาเรสซิเดนซ์ เป็นโครงการให้เช่า มีระยะเวลาในการเช่าให้เลือกหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเช่ารายเดือน จนถึงระยะยาว (Leasehold) สูงสุด30 ปี โดยอัตราค่าเช่าเริ่มต้น 40,000 บาท/เดือน (รวมค่าห้อง-ค่าบริการ-ค่าทำความสะอาด) และผู้เช่าสามารถต่ออายุสัญญาได้ในกรณีต้องการเช่านานกว่าที่ทำสัญญาเอาไว้ หรือในกรณีที่เจ็บป่วยจนไม่สามารถดูแลตนเองได้หรือเสียชีวิตก่อนหมดอายุสัญญาเช่า ทางโครงการจะทำการคืนค่าเช่าในสัดส่วนที่เหลือให้แก่ผู้รับประโยชน์ซึ่งผู้เช่าระบุเอาไว้ในสัญญาเช่า

ด้านแพทย์หญิงนาฏ ฟองสมุทร ผู้บริหารลิฟเวล กล่าวว่าแต่ละคนจะมีอยู่ 3 ช่วงวัย คือวัยเด็ก วัยทำงาน และวัยเกษียณ ซึ่งช่วงเวลาหลังเกษียณนั้นเป็นช่วงชีวิตที่ยาวนานพอๆ กับช่วงก่อนวัยทำงาน บางคนเกษียณอายุก่อน 60 ปี และบางคนเกษียณหลัง 60 ปี เริ่มวางภาระในชีวิตลงเมื่อลูกหลานเติบโต มีครอบครัวและมีชีวิตเป็นของตนเอง ส่วนคนโสดก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นในวัยเกษียณจึงเป็นอีกหนึ่งช่วงชีวิตที่สำคัญและต้องวางแผนว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข และการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของคนวัยนี้คือการที่พวกเขาสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ด้วยการมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่แข็งแรง รวมถึงการมีสุขภาพด้านการเงินที่ดี มีเงินทองใช้อย่างเพียงพอ

“จากประสบการณ์ที่ทำงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุมาตลอด ทำให้รู้ว่าปัญหาที่ผู้สูงอายุต้องประสบคืออะไร อุปสรรคในการดำเนินชีวิตทั้งในเรื่องที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมมีอะไรบ้าง และอะไรที่จะเป็นปัจจัยในการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถพึ่งพาตัวเองได้มากที่สุดและนานที่สุด ลดการไปอยู่โรงพยาบาลให้น้อยที่สุด เปลี่ยนความคิดจากการใช้ชีวิตตามอายุขัยที่เปลี่ยนไป มาเป็นการดูแลสุขภาพกายและใจให้เป็นช่วงเวลาที่มีคุณภาพ สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ยาวนานที่สุด ซึ่งนั่นคือเป้าหมายที่ตั้งใจไว้” แพทย์หญิงนาฏ กล่าว