นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุระหว่างกรมธนารักษ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และการเคหะแห่งชาติ พร้อมทั้งลงนามร่วมกับ นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เพื่อจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุสำหรับประชาชนที่มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งให้บริการทางการเงินและอำนวยความสะดวกในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ โดยมี พันเอก ดร.เจียรนัย วงศ์สอาด ประธานกรรมการการเคหะแห่งชาติ และนายจเรรัฐ ปิงคลาศัย กรรมการการเคหะแห่งชาติ ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 ณ ห้องประชุมชั้น 8 อาคาร 72 ปี กรมธนารักษ์
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนไทยที่ไร้ที่อยู่อาศัยประมาณ 5.87 ล้านครัวเรือน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ความสำคัญในด้านที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนที่มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง จึงมอบนโยบายให้การเคหะแห่งชาติเร่งดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค โดยการเคหะแห่งชาติมีเป้าหมายจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทเช่าหลายโครงการ เช่น โครงการบ้านเคหะสุขประชา โครงการบ้านเคหะสุขเกษม โครงการบ้านสวัสดิการข้าราชการชั้นผู้น้อย โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Complex) และโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม กลุ่มผู้ถูกไล่รื้อที่อยู่อาศัย กลุ่มผู้บุกรุกพื้นที่ริมทางรถไฟ และประชาชนทั่วไป ในขณะที่การเคหะแห่งชาติมีจำนวนที่ดินไม่เพียงพอต่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ จึงบูรณาการความร่วมมือกับกรมธนารักษ์เพื่อขอเช่าที่ดินราชพัสดุ โดยจัดทำเป็นสัญญาเช่าในระยะยาว 30 ปี และสามารถต่ออายุสัญญาได้ และประสานความร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการทางการเงินแก่ผู้ประกอบการรายย่อยในพื้นที่ รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการ จึงเป็นที่มาของการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุระหว่าง 3 หน่วยงานในวันนี้
“เราทราบว่าโรงเรียนสังกัดสพฐ. จำนวน 8,000 แห่ง จาก 20,000 แห่งที่เช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ มีการยุบรวมโรงเรียน และยกเลิกการเช่าที่ดินของกรมธนารักษ์ หลายพื้นที่อยู่ใจกลางเมือง และกรมกรมธนารักษ์ ไม่มีงบประมาณในการดูแล ซึ่งหากการเคะแห่งชาติไปขอเช่าพื้นที่มาจัดทำโครงการสุขประชา โครงการบ้านสุขเกษม และบ้านสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยในแต่ละจังหวัด ก็จะเป็นการสร้างโอกาสให้คนได้มีบ้าน โดยลักษณะการเช่าเป็นการเช่าที่ดินระยะยาว 30 ปี”
“สำหรับโครงการนำร่องที่การเคหะแห่งชาติจะดำเนินการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้เบื้องต้นในการจัดทำโครงการอยู่ในจังหวัดพิษณุโลกครอบคลุม 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบางระกำ อำเภอวังทอง อำเภอบางกระทุ่ม อำเภอวัดโบสถ์ อำเภอนครไทย อำเภอพรหมพิราม และอำเภอชาติตระการ โดยจะนำที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวมาพัฒนาโครงการบ้านเคหะสุขประชา บ้านเคหะสุขเกษม รวมถึงบ้านพักสำหรับข้าราชการและผู้มีรายได้น้อย จำนวนกว่า 1,200 หน่วย” นายทวีพงษ์
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอด 68 ปี ได้มีส่วนช่วยในการทำให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วกว่า 3.7 ล้านครอบครัว โดยครั้งนี้เป็นความร่วมมือจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุ ระหว่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ กรมธนารักษ์ และการเคหะแห่งชาติ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายตามนโยบายรัฐ รวมทั้งการดำเนินงานพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติ เพื่อให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ข้าราชการชั้นผู้น้อย และประชาชนที่มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานในราคาค่าเช่าที่เหมาะสม เป็นการบูรณาการในการจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยบนที่ราชพัสดุ โดยเป็นการเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์มาเพื่อดำเนินการก่อสร้างบ้านเช่าแนวราบ ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์เป็นผู้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้กับการเคหะแห่งชาติ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมหรืองานต่างๆที่การเคหะแห่งชาติจัดขึ้น พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์โครงการของการเคหะแห่งชาติในช่องทางต่างๆ ต่อไป