‘ศุภาลัย’ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 ชูสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง กวาดยอดขาย 13,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% โกยรายได้รวม 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% กำไรสุทธิ 2,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% เตรียมแผนรุกตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม รวม 22 โครงการ ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายยอดขาย 27,000 ล้านบาท
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย หลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับภาวะ Over Supply ของตลาดคอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม ปี 2564 เป็นปีแรกที่อัตราการดูดซับในตลาดนี้ดีขึ้น เนื่องจากมีอัตราการซื้อมากกว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ซึ่งลดลงมาตั้งแต่ปี 2563 ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมทั้งปี 2564 อัตราการซื้อในตลาดคอนโดมิเนียมจะดีกว่าปี 2563 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่เหลือของปี
สำหรับในส่วนของตลาดแนวราบ ปี 2563 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้มากกว่าปีก่อนหน้า ขณะที่ครึ่งแรกของปี 2564 มีการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ลดลง ขณะที่ยอดขายยังคงดีต่อเนื่อง ซึ่งได้รับอานิสงค์จากวิถีชีวิตแบบ New Normal ทั้งนี้ ปัจจุบันพบว่าสัดส่วนโครงการแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้นกว่าโครงการคอนโดเนียมซึ่งเคยกินสัดส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯ มากกว่าอย่างชัดเจน โดยโครงการแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ มีสัดส่วนถึง 60% จากเดิมที่มีสัดส่วนเพียง 30-40% เท่านั้น ซึ่งสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น มาทั้งจากปัจจัยวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 การหายไปของลูกค้าเก็งกำไร และการหายไปของลูกค้าชาวต่างชาติ
นายไตรเตชะ กล่าวต่อไปถึงการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาด้วยว่า บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 9 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ และภูมิภาค รวมเป็นมูลค่า 9,180 ล้านบาท และสามารถทำยอดขายได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ที่ 13,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 และคิดเป็น 48% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 27,000 ล้านบาท โดยมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในโครงการที่มีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ รวมถึงโครงการที่เปิดตัวใหม่ ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบ 10,080 ล้านบาท คิดเป็น 78% โครงการคอนโดมิเนียม 2,925 ล้านบาท คิดเป็น 22% อีกทั้งสามารถสร้างรายได้รวม 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ขณะที่รายได้จากอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 57% และจากโครงการคอนโดมิเนียม 43% ถึงแม้ว่าตลาดกลุ่มคอนโดมิเนียมในภาพรวมจะยังคงชะลอตัวก็ตาม
ทั้งนี้ บริษัทสามารถทำผลงานด้านกำไรสุทธิ 2,472 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 58% ส่วนต้นทุนการเงินที่อัตราเฉลี่ย 1.80% ต่อปี ณ 30 มิ.ย. 2564 และมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 36,002 ล้านบาท ณ 30 มิ.ย. 2564 โดยคาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2564 จำนวน 14,202 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 21,800 ล้านบาทในอีก 3 ปีถัดไป เพื่อรองรับการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอนาคต พร้อมกันนี้บริษัทยังเดินหน้าลงทุนในทำเลใหม่ๆ ที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 24 ส.ค.2564 และจ่ายปันผล วันที่ 8 ก.ย. 2564
นายไตรเตชะ กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังอีกว่า ประเทศไทยน่าจะยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ จากเดิมที่คาดว่าดีเวลล็อปเปอร์ส่วนใหญ่จะเปิดตัวโครงการใหม่กันในช่วงครึ่งปีหลัง แต่คิดว่าอาจจะเห็นการเปิดตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ และน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วด้วย แต่ไม่ได้หมายรวมว่ายอดขายจะไม่ดีเท่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัญหาหลักสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังก็คือการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคาร ซึ่งบางธนาคารมีข้อจำกัดและมีสัญญาณว่าจะหยุดการให้สินเชื่อ ด้านงานก่อสร้างก็ต้องดูว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปรกติ 100% ได้เมื่อใด รวมทั้งขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อ และการกระจายวัคซีนด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบกับความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของลูกค้า
สำหรับแผนงานของศุภาลัยในครึ่งปีหลัง ปี 2564 นายไตรเตชะ เผยว่าบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่า 24,820 ล้านบาท แบ่งเป็นเป็นโครงการแนวราบ จำนวน 18 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อให้ทันสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และเพิ่มช่องทางการตลาดในรูปแบบ Virtual Tour รับชมโครงการเสมือนจริง และ Online Booking จองยูนิตที่สนใจ เพิ่มความสะดวก สบาย ปลอดภัย และรูปแบบ Supalai Private Tours เป็นการสื่อสารและชมโครงการได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อลดการสัมผัสให้เหมาะสมกับเหตุการณ์โควิด-19 รวมถึงกระบวนการก่อสร้าง โดยเน้น Waste Management เพื่อมีส่วนร่วมในการลดขยะให้สังคม และมีการปรับเปลี่ยนระบบด้านการบริการลูกค้าในรูปแบบออนไลน์ ทั้งใบเสร็จออนไลน์ และนิตยสารขององค์กรในรูปแบบ E-Magazine เพื่อเชิญชวนครอบครัวศุภาลัย รักษ์โลก ลดการใช้กระดาษ ลดการสัมผัส สอดรับกับโครงการ Supalai Care The Bear ผนึกพลังร่วมกันลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้น ยังมีการสื่อสารการตลาดรูปแบบใหม่ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ ทั้งทรู เฮลท์ จากบริษัท ทรู ดิจิทัล เพื่อพบหมอออนไลน์ บริษัท ซีเนริโอ จำกัด เพื่อผลิตซีรีส์ อีกทั้งบ้านและสวน เพื่อแชร์ไอเดียใหม่ๆ สำหรับลูกค้าที่จะนำไปตกแต่งสวนสวยงามให้ที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2564 เอาไว้ที่ 27,000 ล้านบาท พร้อมเป้าการเปิดตัวโครงการใหม่ 31 โครงการ มูลค่า 34,000 ล้านบาท วางงบซื้อที่ดินเอาไว้ 8,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน
“บริษัทมั่นใจว่าปี 2564 จะเป็นปีที่บริษัทมีการเติบโตทางด้านรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง ด้วยความพร้อมทางต้นทุนทางการเงิน การบริหารความเสี่ยง การตลาดและการขาย การบริการลูกค้า และการมีส่วนร่วมช่วยเหลือเพื่อสังคม ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยภายนอก โดยมองว่าภาพรวมการเติบโตของบริษัทจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลายต่อไป” นายไตรเตชะ กล่าวทิ้งท้าย