นับตั้งแต่รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (Airport Rail Link) เปิดให้บริการในปี 2553 จนถึงปัจจุบัน พื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกตลอดจนแนวเส้นทางเดินรถได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้า ในรัศมี 1 กม.ทั้ง 8 สถานี ได้แก่ พญาไท ราชปรารภ มักกะสัน รามคำแหง หัวหมาก บ้านทับช้าง ลาดกระบัง และสุวรรณภูมิ รวมถึงพื้นที่ย่าน “พัฒนาการ–เอกมัย” ที่ได้รับอิทธิพลจากการขยายตัวของเมืองจากฝั่งธุรกิจ CBD ทำให้ทำเลย่านนี้ถูกจับตามองของผู้มองการณ์ไกล ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัยหรือการลงทุน เพราะนอกจากพื้นที่จะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ สถานีรามคำแหงแล้ว ยังเป็นทำเลที่สามารถสัญจรเข้าสู่ใจกลางเมือง ย่านทองหล่อ–เอกมัย ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่รอบสถานีรามคำแหงไปจนถึงสถานีสุวรรณภูมิ พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีโครงการที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมรอบสถานีรามคำแหง เนื่องจากราคาคอนโดมิเนียมยังไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในเขตพื้นที่รอบสถานีพญาไท ราชปรารภ และมักกะสัน
ด้วยราคาที่ดินของพื้นที่โดยรอบสถานีพญาไท ราชปรารภ และมักกะสัน มีราคาค่อนข้างสูงและมีจำนวนจำกัด ส่งผลให้ราคาขายคอนโดมิเนียมในย่านดังกล่าว เฉลี่ยสูงกว่า 200,000 บาทต่อตร.ม. ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มรายได้ปานกลางที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เริ่มมองหาคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ทำเลที่มีศักยภาพใกล้เคียงกันมากขึ้น และพื้นที่รอบสถานีรามคำแหงก็เป็นทำเลที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพราะราคาที่ดินยังไม่สูงมาก สามารถเดินทางเข้า-ออกไปยังย่านใจกลางธุรกิจได้อย่างสะดวกสบาย”
สำหรับทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดรอบสถานีรามคำแหงคือ ย่าน “พัฒนาการ-เอกมัย” เพราะเป็นทำเลที่รองรับด้วยระบบรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเส้นสุขุมวิท และในอนาคตอันใกล้ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ในทำเล EEC ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2566 รวมถึงจะมีโครงการรถไฟฟ้า 3 สายเกิดใหม่ล้อมรอบทำเลพัฒนาการ-เอกมัย ได้แก่ 1.รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรมฯ–มีนบุรี) 2.รถไฟฟ้าสายสีเทา (รามอินทรา–ลำลูกกา) และ 3.รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว–สำโรง) ยิ่งช่วยเสริมศักยภาพให้กับพื้นที่ในอนาคต ขณะเดียวกันยังอยู่ใกล้ทางด่วนหลายสาย ทำให้เดินทางได้หลากหลายรูปแบบ
ด้านราคาขายต่อ ตร.ม.ของคอนโดมิเนียมในย่านนี้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อตร.ม. โดยกลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว เนื่องจากเป็นทำเลที่มีการพัฒนาด้านโครงข่ายคมนาคมอย่างต่อเนื่อง และการเดินทางด้วยรถยนต์ที่สะดวกสบาย สามารถเชื่อมต่อสู่ถนนสายหลักได้หลายสาย อาทิ เพชรบุรี พระราม 9 สุขุมวิท และรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน