อนันดาฯ เสริมแกร่ง ร่วมทุนมิตซุย ฟูโดซัง ลุยธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ มั่นใจความสำเร็จกับบิสิเนสโมเดลในการสร้างการเติบโตของธุรกิจ recurring income ด้วยการจับมือกับ  “Ascott” พันธมิตรที่แข็งแกร่งระดับโลก คาดการณ์รายได้จากธุรกิจ recurring income จะสามารถสร้างการเติบโตกว่า 20% ภายใน 5 ปี

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบัน บริษัทได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทไปแล้ว 40,335 ยูนิต มูลค่ารวม 153,617 ล้านบาท และเพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่เปฺ็นรายได้ประจำ บริษัทจึงได้ขยายไลน์ธุรกิจสู่ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ โดยได้ร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง พัฒนาเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ขึ้นมา 5 โครงการ โดยมีดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด หรือ “Ascott” ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้นภายใต้นโยบายเปิดประเทศ ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและผู้บริโภค รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณการฟื้นตัว นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อัตราการเข้าพักภาพรวม (Occupancy rate) ของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์อยู่ที่ประมาณ 50% – 55% ในขณะที่โรงแรมอยู่ที่ประมาณ 27% ซึ่งอัตราการเข้าพักของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์สูงกว่าโรงแรมเนื่องมาจากดีมานด์ของการเข้าพักแบบ Long stay ยังคงมีอยู่จากกลุ่มชาวต่างชาติ ซึ่งต่างจากโรงแรมที่เน้นการเข้าพักแบบ Short stay จากกลุ่มนักท่องเที่ยวเพียงกลุ่มเดียว ทำให้วิกฤตการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ไม่มากนักถ้าเทียบกับธุรกิจโรงแรม อนันดาฯ จึงได้วางกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวด้วยโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ 5 โครงการ รวม 1,809 ยูนิต มูลค่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรกลุ่มมิตซุย ฟูโดซัง ได้แก่ โครงการแอสคอทท์ ทองหล่อ บางกอก จำนวน 451 keys มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท โครงการแอสคอทท์ แอมบาสซี่ สาทร  จำนวน 393 Keys มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท โครงการซัมเมอร์เซ็ต พระราม 9 จำนวน 445 keys มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท โครงการซัมเมอร์เซ็ต พัทยา จำนวน 324 keys มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท และโครงการไลฟ์ สุขุมวิท 8 บางกอก จำนวน 196 keys มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้ประจำ และรองรับดีมานด์ชาวต่างชาติที่จะกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทย (Expat) นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว ซึ่งมีความจำเป็นต้องการเช่าที่อยู่อาศัย ทำให้เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ”

แอสคอทท์ ทองหล่อ บางกอก

ในปี 2565 อนันดาฯ จะมีโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ หลายเซกเม้นท์และหลายทำเล เพื่อรองรับตลาดนักท่องเที่ยวที่กำลังรีบาวด์ (Rebound) กลับมา โดยโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์จะสามารถเปิดดำเนินการได้ทั้ง 5 โครงการ และจะเริ่มรับรู้รายได้ในลำดับต่อไป คาดว่าจะมีรายได้ประจำ (Recurring Income) กว่า 20% โดยจะสามารถบันทึกเป็นรายได้ภายใน 5 ปี ซึ่งอนันดาฯ ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด  หรือ แอสคอทท์ เป็นพาร์ทเนอร์ ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งทางด้านเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ระดับโลกที่มีระบบ CRM ให้บริการลูกค้ามีฐานลูกค้ากว่า 1.2 แสนยูนิต ที่แอสคอทท์บริหารอยู่กว่า 200 เมือง ใน 30 ประเทศทั่วโลก

“สำหรับตลาด เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์” เป็นตลาดที่น่าสนใจ นอกจากจะมีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ที่สูงแตกต่างจากโรงแรมแล้ว เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ยังมีบริการที่ครบครัน สะดวกสบาย ในรูปแบบโรงแรมแต่จ่ายน้อยกว่า และขนาดห้องที่ใหญ่กว่าสามารถพักอาศัยได้ทั้งครอบครัว ราคาเช่าต่อเดือนที่อาจจะสูงกว่าคอนโดมิเนียม แต่ไม่แพงเท่ากับโรงแรม  ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า  Long stay ได้เป็นอย่างดี โดยทำเลที่เป็นที่นิยมในการเข้าพัก อาทิ ทำเลทองหล่อ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น เกาหลี  หรือจะเป็นย่านสาทรก็เช่นเดียวกันก็มีหลากหลายบริษัทที่มีสำนักงานในย่านสาทร และกระจายไปย่านสีลมอีกด้วย ซึ่งมีดีมานด์ค่อนข้างมากกระจายอยู่ทั่วเมือง ส่งผลให้ความต้องการเข้าพักยังคงมีอย่างต่อเนื่อง”  

 “สำหรับแผนการขยายธุรกิจใหม่ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์”  (Serviced Apartments) มองว่าเป็นรูปแบบธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวให้แก่บริษัท ซึ่งบริษัทพร้อมพิจารณาขยายธุรกิจนี้ให้ใหญ่ขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย เพราะไม่ว่าอย่างไรประเทศไทยก็ยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีทรัพยากรทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามเป็นที่ดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกปี ทำให้ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ (Serviced  Apartments) มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นายชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย