ออลล์ อินสไปร์ ปะกาศปรับโครงสร้าง ภายใต้แนวคิด “All New Era” ออลล์ อินสไปร์ ยุคใหม่ ที่ไม่หยุดแค่อสังหาริมทรัพย์อีกต่อไป ตั้งเป้าเทิร์นอะราวด์ โดยการปฏิรูปธุรกิจเตรียมก้าวสู่ “โฮลดิ้ง คอมพานี” รับกระแส Mega Trend เติบโตอย่างก้าวกระโดด พลิกฟื้นธุรกิจ รับมือทุกสภาวะความเปลี่ยนแปลงของโลก เดินหน้าแตกไลน์ธุรกิจใหม่ 3 ธุรกิจใหม่ หวังมาร์เก็ตแคป 30,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันองค์กรธุรกิจต่างๆ ต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้าน การปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประคองธุรกิจให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจหลักเพียงอย่างเดียว บริษัทจึงได้ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งสำคัญ ภายใต้แนวคิด “All New Era” ออลล์ อินสไปร์ ยุคใหม่ ที่ไม่หยุดแค่อสังหาริมทรัพย์อีกต่อไป มองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อการพลิกฟื้นธุรกิจให้มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว นำพาองค์กรไปสู่การเติบโตอย่างก้าวกระโดด รองรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมตั้งเป้าเทิร์นอะราวด์ เตรียมก้าวสู่ “โฮลดิ้ง คอมพานี” เพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวและเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ โดยผ่าน 3 กลยุทธ์ทางธุรกิจ ดังนี้
- ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ Assets Management (AMC) รูปแบบการดำเนินงานคือการจัดตั้งบริษัทใหม่พร้อมจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการควบรวมกิจการ และพร้อมเข้าประมูลกับสถาบันการเงิน
- ธุรกิจบริหารหนี้สิน Debt Management เป็นการเข้าซื้อหนี้เสียมาบริหาร ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ อาทิ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต หรือหนี้อื่นๆ และมีแผนร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
- ธุรกิจคาร์บอนเครดิต Carbon Credits ได้มีการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจ One Stop Service ซื้อ ขาย พัฒนา คาร์บอนเครดิต ผ่านบล็อกเชน รายแรกของประเทศไทย
สำหรับสัดส่วนธุรกิจในปี 2565 ของบริษัทคือ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ มีสัดส่วน 30% ธุรกิจบริหารหนี้สิน มีสัดส่วน 30% ธุรกิจคาร์บอนเครดิต มีสัดส่วน 30% และ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีสัดส่วน 10%
ทั้งนี้ การลงทุนใน 3 ธุรกิจใหม่้ ใช้งบลงทุน 1,400 ล้านบาท โดยจะนำไปลงทุนในส่วนของธุรกิจบริหารสินทรัพย์เป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 50% ที่เหลือกระจายการลงทุนในธุรกิจบริหารหนี้สิน และธุรกิจคาร์บอนเครดิต โดยคาดว่าปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้ 4,000 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 60% และจาก 3 ธุรกิจใหม่อีก 40% ซึ่งในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจะยังคงไม่มีการพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติม โดยปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 8,000 ล้านบาท และมีที่ดินรอการพัฒนาอีก 5-6 แปลง ซึ่งบริษัทจะระบายสินค้าที่มีอยู่ในมือให้หมดภายใน 3 ปี และรอเวลาที่เหมาะสมในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ต่อไป
“ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างธุรกิจจะทำให้บริษัทมีพอร์ตธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น ช่วยกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และการตั้งเป้าเทิร์นอะราวด์ ให้ธุรกิจกลับมาเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น รวมถึงสามารถปรับตัวและรับมือปัจจัยภายนอกได้เหมาะสมกับแต่ละประเภทธุรกิจมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมั่นใจว่าทั้ง 3 ธุรกิจ จะสามารถสร้างรายได้และกำไรในอัตราผลตอบแทนที่สูงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต” นายธนากร กล่าวทิ้งท้าย