‘อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์’ เผยปี 64 เตรีมเปิด 4 โครงการ พร้อมเปิดบ้านเซกเมนต์ใหม่ ‘อัลติจูด ฟอเรสต์’ บนสองทำเลใจกลางเมือง รัชดาภิเษก อารีย์ จับมือพันธมิตรธุรกิจ ‘คีนน์’ พัฒนาที่อยู่อาศัยแบบ ไฮจีนิก โฮม และคอมมูนิตี้ (HYGIENIC HOME & COMMUNITY) ตอบโจทย์วิถีชีวิตแบบ NOW NORMA นำร่องโครงการอัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง เตรียมปิดยอดขายสิ้นปี 2,015 ล้านบาท
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ ‘ALTITUDE’ เปิดเผยว่า 1 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพฤติกรรมผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ปรับเปลี่ยนและเรียนรู้วิถีชีวิตแบบนาว์นอร์มอล (NOW NORMAL) มีผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการผันเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้ผู้คนนิยมอยู่อาศัยในบ้านมากขึ้น ออกจากบ้านน้อยลง เพื่อลดความเสี่ยง บริษัทเล็งเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญนี้จึงพัฒนาบ้าน ไฮจีนิก โฮม และคอมมูนิตี้ (HYGIENIC HOME & COMMUNITY) บ้านแห่งอนาคตเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยที่ปลอดภัยมากกว่าเดิมสำหรับทุกคน ภายใต้แนวคิด EVERYONE CAN SAFE AT HOME โดยร่วมมือกับบริษัท คีนน์ ผู้นำนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม พัฒนานวัตกรรม ไฮจินิก โฮม โดยให้ อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง เป็นโครงการนำร่องในการพัฒนา และนำไปใช้กับทุกโครงการที่กำลังก่อสร้าง
นายชยพล กล่าวถึงแผนงานในปีนี้อีกว่า “ปีนี้เราจะเปิด 4 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ได้แก่ อัลติจูด มาสเตอรี สุขุมวิท และ อัลติจูด คราฟ บางนา ซึ่งเริ่มเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายไตรมาส 2 และต้นไตรมาส 3 ของปีนี้ นอกจากนั้นก็จะมีการพัฒนา 2 โครงการเซกเมนต์ใหม่ล่าสุด คือ อัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา พรีเมียมทาวน์โฮม จำนวน 39 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท และ อัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์ บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ จำนวน 10 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 28 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่หาได้ยากบนทำเลอารีย์ และเป็นโครงการใหม่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง รวมมูลค่าทั้ง 2 โครงการ 998 ล้านบาท โดยจะเปิดพรีเซลและเปิดขายออนไลน์ในไตรมาส 3 ของปีนี้”
สำหรับคอนเซ็ปท์การออกแบบโครงการเซกเม้นท์ใหม่ ‘อัลติจูด ฟอเรสต์’ ใช้หลักจิตวิทยาในการสร้างบ้าน เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่ม ‘ยูนีค’ (UNIQUE) ทั้ง 2 โครงการได้ผสาน 2 แนวคิดหลักที่เป็นคอนเซ็ปท์ ในการออกแบบโครงการเพื่อตอบโจทย์ความเป็นเอกลักษณ์ของผู้อยู่อาศัย และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต คือ 1.MIND-SPACE พื้นที่ว่างเปล่า ‘พื้นที่ที่ให้ทุกวินาทีมีความหมาย’ ให้คุณเติมเต็มด้วยจิตใจและเป็นตัวเองมากที่สุด 2.พร้อมด้วยเทคโนโลยี GREENERY SPHERE เทคโนโลยีสะอาดหมุนเวียน พร้อมด้วยเทคโนโลยีความสะอาดหมุนเวียน นวัตกรรมไฮจีนิกโฮม อีกทั้งเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอีกมากมาย เพื่อการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน ซึ่งมาพร้อมส่วนกลางที่เต็มอิ่มกับความสงบ โดยบ้านต้นไม้ที่ดีไซน์ด้วยกระจกทั้งหลังโอบล้อมต้นไม้ใหญ่ ดีไซน์ของบ้านที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจทั้งทิศทางลม และการรับแสงแดดเป็นอย่างดี เป็นพื้นที่ที่ให้ลูกบ้านได้มาทำกิจกรรมร่วมกันในระยะยาว” นายชยพล กล่าว
นายชยพล ยังกล่าวด้วยว่า “จากความสำเร็จของ อัลติจูด คราฟ บางนา ซึ่งยอดขายแรงต่อเนื่องจากปลายปีที่ผ่านมา สร้างยอดขายในปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 64 รวมทั้งสิ้น 540 ล้านบาท พร้อมปิดโครงการโฮมออฟฟิศ พรูฟ พระราม 9 และบ้านเดี่ยวหรู อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน 24 โดยโปรเจคที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพร้อมอยู่พร้อมโอน 5 โครงการปลายปีนี้ ได้แก่ อัลติจูด พรูฟ สาทร, อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง, อัลติจูด สาทร-ท่าพระ, อัลติจูด คราฟ บางนา ทาวน์โฮม และอัลติจูด มาสเตอรี สุขุมวิท คาดว่าจะปิดยอดขายปลายปีนี้ได้ตามเป้าหมาย 2,015 ล้านบาท”
นอกจากนั้น เพื่อตอบรับสถานการณ์ในปัจจุบันที่โลกเกิดวิกฤตการระบาดของไวรัสตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อัลติจูดได้ปรับกลยุทธ์การขายวิถีใหม่ ‘REAL LIVE 720 DEGREE’ หรือ นวัตกรรมเรียลไลฟ์ 720 องศา ภายใต้แนวคิด ANYONE CAN BUY ANYWHERE & ANYTIME ซึ่งเป็นนวัตกรรมเยี่ยมชมโครงการที่สามารถสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง 720 องศา ทั้งการชมบ้านตัวอย่าง ชมส่วนกลางเสมือนจริงได้รอบทิศทาง และสามารถทำ POP UP SPACE ออกแบบบ้านตามไลฟ์สไตล์ที่ชอบด้วยตัวเอง นับเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของรูปแบบการขายให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ที่เหนือกว่าของการซื้อที่อยู่อาศัย
โดยนำร่องนวัตกรรมชมบ้านแบบเรียลไลฟ์ 720 องศา กับแบรนด์น้องใหม่ ‘อัลติจูด คราฟ บางนา’ ซึ่งเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2563 ถือว่าประสบความสำเร็จในการขายก่อนเปิดโครงการจริง (EARLY BIRD) ด้วยยอดขายต่อเนื่องถึงปัจจุบันกว่า 540 ล้านบาท พร้อม SOLD OUT จำนวน 125 ยูนิต ซึ่งเป็นการขายคละแบบบ้าน 3 แบบ จากทั้งหมด 402 ยูนิตในโครงการ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 1,469 ล้านบาท และเตรียมนำนวัตกรรมนี้ไปใช้กับทุกโครงการที่จะเปิดใหม่ด้วย
นายขวัญชัย เจริญยิ่งถาวรชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า จากการดำเนินธุรกิจด้วยกลยุทธ์ TURNKEY ASSET DEVELOPMENT โดยการไปเข้าไปรับบริหารจัดการที่ดินซึ่งเจ้าของไม่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ที่ดินแปลงนั้น ทั้งในรูปแบบการร่วมทุน การให้บริการพัฒนาโครงการ หรือพัฒนาโครงการในลักษณะแฟรนไชส์ โดยใช้แบรนด์ ‘อัลติจูด’ ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา และใช้แนวคิด ‘CUSTOMIZE LIVING’ ผ่านการสร้างโปรดักส์ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นและดีไซน์ ให้เหมาะกับชีวิตที่สุด และช่วยให้นักลงทุนเพิ่มศักยภาพของสินทรัพย์ได้ จึงทำให้อัลติจูดประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากการรุกตลาดคอนโดและพรีเมียมทาวน์โฮม ล่าสุดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและวางเป้าหมายครอบคลุมทุกเซกเมนต์มากยิ่งขึ้น อัลติจูดจึงมีแผนรุกตลาดบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมในระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นระดับราคาที่มีดีมานต์ในตลาด และมีศักยภาพในการซื้อ เห็นได้จากความสำเร็จจากการปิดขายโฮมออฟฟิศอย่าง อัลติจูด พรูฟ พระราม 9 ในระดับราคา 13.9-17.9 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน ในระดับราคา 28 ล้านบาท
“ในปีนี้เป็นปีของตลาดของลูกค้าซื้ออยู่เอง โดยเฉพาะในเซกเมนต์ระดับบนราคาที่ผู้ซื้อมีศักยภาพตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป นับเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การซื้อเพื่ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง อัลติจูดเชื่อมั่นว่า จากจุดเด่นและความแข็งแกร่งในการลด Pain Point และการช่วยลดต้นทุนการใช้ชีวิต ทั้งหมดมาจากความเข้าใจถึงความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริงจนพัฒนาสินค้าได้อย่างตรงจุด สู่การออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้จริง” นายขวัญชัย กล่าวปิดท้าย