เอพี ไทยแลนด์ เปิดตัวเลขรายได้ครึ่งปีรวมกว่า 25,270 ล้านบาท กำไรทะลุกว่า 3,300 ล้านบาท ฐานะการเงินแข็งแกร่งพร้อมเดินหน้าไปต่อ ด้วย D/E ที่ต่ำเพียง 51 เท่า วงเงินสดพร้อมใช้กว่า 13,600 ล้านบาท เผยยอดขาย 7 เดือน 29,960 ล้านบาท เกินครึ่งทางของเป้ายอดขายที่ 50,000 ล้านบาท เร่งลุยต่อ ปูพรม 160 โครงการทั่วไทย พร้อมส่ง ‘อภิทาวน์’ สู่ 3 จังหวัดใหญ่ กับอภิทาวน์ อุดรธานี, อภิทาวน์ ฉะเชิงเทรา และ อภิทาวน์ อุบลราชธานี

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทยังคงสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง สะท้อนได้จากอัตราการเติบโตทางตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขรายได้รวม กำไร ยอดขาย ตลอดจนจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100% JV) และธุรกิจอื่นๆ สูงสุดถึง 25,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 23% หากเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่ทำได้ 20,506 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิมากถึง 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 2,518 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเท่ากับ 0.51 เท่า พร้อมมูฟออนไปต่อแบบไม่สะดุดด้วยวงเงินสด (Availably Credit Line ) พร้อมใช้กว่า 13,607 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดคือความสำเร็จจากการเตรียมองค์กรให้พร้อมตั้งรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 

ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมยังคงเป็นคีย์ไดร์ฟสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทควบคู่กับการกลับมาของตลาดคอนโดมิเนียมที่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 3 นี้บริษัทเตรียมรับรู้รายได้เพิ่มจากการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนโดมิเนียมใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จ ได้แก่ RHYTHM เอกมัย เอสเตท และ LIFE สาทร เซียร์รา ซึ่ง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) มากถึง 33,637 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

RHYTHM เอกมัย เอสเตท

ถึงแม้จะต้องดำเนินธุรกิจท่ามกลางความผันผวน ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ตลอดจนการปรับตัวขึ้นของต้นทุนด้านต่างๆ แต่บริษัทยังคงสร้างนิวเรคคอร์ดด้านตัวเลขอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม บริษัทมียอดขายมากถึง 29,960 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60% ของเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ที่ 50,000 ล้านบาท โดยยอดขายที่ทำได้นั้นเติบโตขึ้นกว่า 45% หากเทียบกับครึ่งปีก่อนหน้า โดยมีสินค้าซูเปอร์สตาร์อย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่ขับเคลื่อนการเติบโตแบบก้าวกระโดด ขณะที่ยอดขายกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมก็ปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นภาพสะท้อนถึงดีมานด์ตลาดคอนโดที่เริ่มฟื้นคืนกลับ อีกทั้ง ยังเป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับตลาดคอนโดในภาพรวมอีกด้วย 

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผน BREAKTHROUGH ทุกข้อจำกัด โดย ณ ในครึ่งปีหลังบริษัทจะมีโครงการพร้อมขายเพื่อส่งมอบชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้กระจายทั่วกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัดรวมกันมากถึง 160 โครงการ มูลค่าพร้อมขายกว่า 122,350 ล้านบาท โดยทิศทางในการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด เรายังคงใช้สินค้าแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์ ‘อภิทาวน์’ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา ‘อภิทาวน์’ ได้เปิดโครงการไปแล้วใน 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ระยอง นครศรีธรรมราช เชียงราย และอยุธยา และในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดเพิ่มอีก 3 จังหวัด ได้แก่ อภิทาวน์ อุดรธานี, อภิทาวน์ ฉะเชิงเทรา และ อภิทาวน์ อุบลราชธานี รวมถึงโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกจำนวนมาก ประกอบด้วยทาวน์โฮม 16 โครงการ มูลค่า 16,440 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน 18 โครงการ มูลค่า 24,030 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท