กรุงเทพฯ (3 เมษายน 2567) – กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ไทยในทุกการก้าวผ่าน เผยกลยุทธ์กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจ SME ในปี 2567 มุ่งมั่นสนับสนุนลูกค้าในการสร้างมูลค่าควบคู่กับการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจผ่านกลยุทธ์ 3GO ประกอบด้วย ‘GO Green, GO Digital และ GO Beyond’ ตอบโจทย์ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างโอกาสธุรกิจ เตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวรับโอกาสการเติบโตสู่ก้าวที่ยั่งยืนต่อไป

นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยโอกาสและความท้าทายในหลากหลายมิติในช่วงปีที่ผ่านมา กรุงศรียังคงยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการในการรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นผ่านโซลูชันที่ครบวงจร และองค์ความรู้ต่างๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการและกระแสของโลกธุรกิจ โดยในปี 2566 ยอดสินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด และมียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 339,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับนโยบายด้านความยั่งยืน (ESG Finance) ของกลุ่มลูกค้า SME มีมูลค่ารวมกว่า 6,100 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา”

 

สำหรับทิศทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ในปี 2567 นี้ กรุงศรีพร้อมเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจ SME ไทย ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมผลักดันการดำเนินธุรกิจบนกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ “3GO” โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • GO Green: มุ่งสนับสนุน SME ในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ความยั่งยืน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ กรุงศรี SME ยังคงมุ่งส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ ถึงแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ESG) ผ่านเวทีสัมมนาต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อให้ลูกค้าได้ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่อง ESG และมีโอกาสได้พบกับพันธมิตรหรือเครือข่ายที่สามารถช่วยส่งเสริมในเรื่องดังกล่าว ซึ่งจากผลตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา กิจกรรม Krungsri ESG Awards ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง รวมถึงยังได้เตรียมเปิดโครงการ Krungsri ESG Academy เป็นปีแรกอีกด้วย อีกทั้งในปีนี้ กรุงศรี ร่วมกับ MUFG จัดงาน Krungsri-MUFG ESG Symposium 2024 มุ่งสร้างพลังเครือข่ายความร่วมมือระหว่างองค์กรพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์และพันธกิจด้าน ESG ทั้งในและต่างประเทศ ในการให้คำปรึกษา แนะนำ ส่งต่อแนวคิด และการนำมาปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรมให้แก่ลูกค้าธุรกิจของธนาคาร
  • GO Digital: ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจด้วยโซลูชันและนวัตกรรมดิจิทัลที่ช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า SME ในการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์ม Krungsri Biz Online ซึ่งในปีนี้ ธนาคารมีแผนจะพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อาทิ การขยายเครือข่ายการให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ Peer-to-Peer Cross Border แบบเรียลไทม์ ให้ครอบคลุมในกลุ่มประเทศอาเซียนมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้มีแผนที่จะขยายการบริการไปยังประเทศเวียดนาม รวมถึงการยกระดับโซลูชันสำหรับร้านค้าในยุคสังคมไร้เงินสด อาทิ Krungsri EDC Plus บริการรับชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยบัตรเครดิต และบัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ VISA MasterCard JCB และ UPI จากทุกสถาบันการเงินทั่วโลก พร้อมรองรับการรับชำระเงินออนไลน์ผ่านแอป กรุงศรี มั่งมี ช้อป เป็นต้น
  • GO Beyond: นอกเหนือจากบริการทางเงิน ธนาคารมุ่งเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้า SME ที่มีความพร้อมและศักยภาพในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกรุงศรี และ MUFG มีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญของกรุงศรี ที่ช่วยให้ลูกค้า SME ได้มีคู่ค้าที่น่าเชื่อถือ ผ่านแพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจ Krungsri Business Link ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 2,000 บริษัท โดยปีนี้เราจะมีกิจกรรมออกบูธทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เพื่อแนะนำบริการนี้ให้กับธุรกิจทั่วไปอีกด้วย เสริมด้วยกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ Krungsri Business Matching กิจกรรมศึกษาดูงาน ณ ประเทศญี่ปุ่น Krungsri Business Journey และ บริการที่ปรึกษาสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียน Krungsri ASEAN LINK

“ท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ ประกอบกับปัจจัยการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังคงมีความท้าทายอยู่อย่างต่อเนื่อง ในปีนี้เราจึงตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจ SME ที่ระดับ 2-3% และกรุงศรีจะยังคงสานต่อการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมากกว่าสถาบันการเงิน ยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจในทุกวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมคว้าโอกาสการเติบโตสู่ก้าวที่ยั่งยืนต่อไป” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย