สถาพร เอสเตท (SE) เห็นสัญญาณขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี ‘65 เผยเดินหน้ารุกตลาดอสังหาฯ เต็มสูบ เตรียมผุด 3 โครงการใหม่ บน 3 ทำเล มูลค่ารวมกว่า 3,306 ล้านบาท พร้อมรีเฟรชแบรนด์ให้ทันสมัย ตั้งเป้ายอดขาย ปีนี้กว่า 2,400 ล้านบาท

นายสุนทร สถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด (SE) กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2565 ว่าภาคการส่งออกของไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมากตั้งแต่ไตรมาสแรกเป็นต้นมา ตามมาด้วยภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นแรงหนุนต่อภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนคลี่คลายลง ก็จะช่วยลดแรงกดดันในเรื่องของราคาน้ำมัน และอาจทำให้ต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้นทั้งปีเฉลี่ยประมาณ 5-6% แต่หากการสู้รบยังคงยืดเยื้อ ต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างอาจปรับขึ้นเฉลี่ยทั้งปีราว 8-9%

นายสุนทร กล่าวต่อไปอีกว่า ในปี 2565 บริษัทมีแผนรีเฟรชแบรนด์ (Brand Refresh) โดยการปรับสีและรูปแบบโลโก้ให้มีความทันสมัย พร้อมรุกเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ 3 โครงการ รวมมูลค่า 3,306 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าในกลุ่ม Mid to High ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นพัฒนามาโดยตลอด

“สำหรับปี 2565 บริษัทได้มีการรีเฟรชแบรนด์ ปรับสีและรูปแบบโลโก้ให้มีความทันสมัย เข้าใจได้อย่างชัดเจน พร้อมชูแนวคิดหลักในการดำเนินธุรกิจ นั่นคือ “PASSION FOR LIVING WELL” โดยสื่อถึงความมุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี โดยใส่ใจและให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ตั้งแต่รูปแบบดีไซน์ที่มองเห็น ไปจนถึงทุกสัมผัสที่อาจมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ด้วยความรู้สึก ผสมผสานกับการพัฒนาเทคโนโลยี และการนำนวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ เพื่อตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า”

“ด้านแผนการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2565 นี้ บริษัทได้เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,306 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวสูง 1 โครงการ ได้แก่ เดอะ คราวน์ เรสซิเดนท์เซส (THE CROWN Residences) คอนโดมิเนียมไฮไรซ์ระดับลักซ์ชัวรี่ สูง 32 ชั้น จำนวน 183 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,016 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ เชื่อมต่อ 2 CBDs ทั้งสุขุมวิท และสาทร-สีลม โดยโครงการอยู่ติดถนนพระราม 4 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทั้งสถานีลุมพินี และคลองเตย รวมถึงจุดขึ้น – ลง ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร เพียง 5 นาที พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Exclusive ในราคา  6 – 20 ล้านบาท”

“สำหรับอีก 2 โครงการใหม่ เป็นโครงการแนวราบ ได้แก่ ดิ อิเธอร์นิตี้ โกร์ฟ สายไหม – พหลฯ (THE ETERNITY GROVE (SAIMAI – PHAHOL) โครงการบ้านสไตล์ใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ จำนวน 92  ยูนิต มาพร้อมที่จอดรถ 3 คัน มูลค่าโครงการ 560 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด “Make it yours” โดยห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งสถานีคูคต และสถานี กม.25 ประมาณ 3 กิโลเมตร ในราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท ซึ่งมีกำหนดเปิดพรีเซลล์ในเดือนกรกฎาคมนี้ และอีกหนึ่งโครงการ ได้แก่ ดิ อิเธอร์นิตี้ พระราม 9 – วงแหวน (THE ETERNITY RAMA 9 – WONGWAEN) โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ใจกลางย่านพระราม 9 – วงแหวน จำนวน 70 ยูนิต มูลค่าโครงการ 730 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลที่สะดวกสบายในทุกการเดินทาง และรายล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย ในราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท โดยกำหนดเปิดพรีเซลล์ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้” นายสุนทร กล่าว

ทั้งนี้ นายสุนทร เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ รวมมูลค่า 4,000 ล้านบาท โดยทำยอดขายได้ 1,150 ล้านบาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 850 ล้านบาท และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งสำหรับในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้กว่า 2,400 ล้านบาท โดยมาจากโครงการแนวสูง 1,386 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% และโครงการแนวราบ 1,014 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% พร้อมตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ไว้กว่า 1,280 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมุ่ง Balance Portfolio ระหว่างที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง เพื่อรักษาสมดุลในการดำเนินธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายในการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยปีละ 3 โครงการ