เวนเจอร์โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด (VGH) ชู “เดอะเซนโทร คอนโด” โกยยอดขายคอนโดสร้างเสร็จพร้อมโอน มิ.ย. 65 นี้ จำนวน 304 ยูนิต มูลค่า 500 ล้าน ประกาศเดินหน้าลุยโครงการใหม่ โซนอมตะพานทอง และอีกหลายโครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโด ดันผลงานก้าวกระโดดสู่หลัก 1,000 ล้าน มั่นใจก้าวสู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ใน ปี

นายพีระพล รังสิมานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด (VGH) กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในภาพใหญ่ในมุมมองของบริษัทเห็นว่ายังมีสัญญาณบวกอยู่ 2 เรื่อง 1.สถานะการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น และคาดว่าจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติในปี 2566 ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มกลับมาดีขึ้น ทั้งในภาคการผลิต ภาคการท่องเที่ยว และภาคการส่งออก ที่หยุดและชะลอในช่วงที่ผ่านมา 2. การลงทุนโครงการใหญ่ๆ ของภาครัฐ พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมองว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะมีต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อและความต้องการที่อยู่อาศัยในโซนอีอีซี เพิ่มขึ้น ในอนาคตคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรที่จะเข้ามาในพื้นที่ EEC ประมาณ 100,000 คนต่อปี จากปัจจัยทั้ง 2 เรื่องนี้ ในมุมมองของบริษัทฯ เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในภาคอสังหาริมทรัพย์

แผนงานที่บริษัทได้ตั้งไว้ จะขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งแนวราบและแนวสูง ปีละ 1-3 โครงการ เพื่อเป้าหมายนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ภายใน 5 ปี จุดแข็งของบริษัทด้านเงินทุนที่แข็งแกร่ง ได้ร่วมทุนกับพันธมิตรสิงคโปร์ที่ทำด้านอสังหาฯ ที่สิงคโปร์ด้วย บวกกับมีทีมงานมืออาชีพด้านอสังหาฯ ที่มีประสบการณ์ในวงการนี้มายาวนาน ทำให้บริษัทมั่นใจว่าสามารถพัฒนาบริษัทไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนได้แน่นอน ด้วยวิสัยทัศน์การบริหารงานที่มองว่า อสังหาฯ หมดยุคที่ใช้วิธีทำตามกัน หรือทำซ้ำ ในแบบเดิมๆ หมดยุคที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ขนาดองค์กรสำคัญน้อยกว่าวิธีคิดและการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานะการณ์ จะทำให้องค์กรเติบโตได้อย่างยั่งยืนในสภาะการณ์ปัจจุบัน

นายจักรพันธ์ บำเพ็ญเกียรติกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เวนเจอร์โกลบอล โฮลดิ้งจำกัด (VGH) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ในโซนตะวันออก โดยเฉพาะบางแสน ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วัดได้จากความสำเร็จจากยอดขายของโครงการ เดอะเซนโทร คอนโด ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน สามารถปิดโครงการได้เร็วกว่าที่คาดเอาไว้ โดยมี อาคาร จำนวน 304 ยูนิต จากมูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท

“บริษัทสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย ปิดยอดขายโครงการ เดอะเซนโทร คอนโด ได้เร็วก่อนงานก่อสร้างเสร็จ แม้จะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว จากความสำเร็จที่โครงการทำได้นั้นมาจากการทำวิจัยตลาด การเลือกทำเลที่ตั้ง การวางแผนการทำงานมาอย่างดี การวางรูปแบบโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ ทั้งเพื่ออยู่เองและการลงทุน” นายจักรพันธ์ กล่าว
จุดเด่นของเดอะเซนโทร คอนโด อยู่ที่ ทำเลที่ตั้งโครงการ ติดตลาดปาร์คอิน และใกล้กับสถานศึกษาสำคัญของภาคตะวันออก มหาวิทยาลัยบูรพา โดยรอบเป็นทั้งที่อยู่อาศัย สถานศึกษา และแหล่งงาน ทำให้ที่ตั้งโครงการและบริเวณใกล้เคียงแวดล้อมด้วยผู้คนเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากศักยภาพทำเลแล้ว ยังโดดเด่นในด้านดีไซน์ผสมผสานความทันสมัยร่วมกับธรรมชาติ การออกแบบอาคารที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะการออกแบบห้อง Dual Key Concept เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เป็นรูปแบบเหมือน 2 ห้องนอน แต่แยกทางเข้าจากกัน เหมือนมี 1 ห้องนอนอยู่ 2 ห้อง แยกสัดส่วน แยกกุญแจเข้าห้องกันอย่างชัดเจน

Dual Key Concept เป็นการออกแบบห้อง เหมาะสำหรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยครอบครัวใหญ่ คนที่ซื้อเพื่อการปล่อยเช่าสามารถปล่อยเช่าได้ 2 ห้อง แต่ถือโฉนดเพียง 1 ห้อง รวมถึงคนที่ต้องการปรับพื้นที่เป็นที่พักอาศัย และพื้นที่ทำงาน จากความยืดหยุ่นของการใช้งานในพื้นที่ทำให้ห้องในคอนเซ็ปต์นี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาด ทั้งนี้ทางโครงการได้เก็บห้องในรูปแบบ Dual Key Concept เพียง 7 ยูนิต เพื่อเปิดจองตอนที่อาคารสร้างเสร็จเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นห้องจริง วิวจริงได้ มาก่อนเลือกก่อน” นายจักรพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ จากความสำเร็จด้านยอดขายและปิดโครงการ เดอะเซนโทร คอนโด นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของบริษัทในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างและตรงใจลูกค้า ในทำเล “อมตะพานทอง” และโครงการใหม่ๆ ที่จะพัฒนาต่อจากนี้ในพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี

นายจักรพันธ์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมเดินหน้าสะสมที่ดินเพิ่มเติมสำหรับพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่องนับจากนี้ ในพื้นที่อีอีซี ที่เริ่มเห็นสัญญาณการการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เป็นทำเลที่มีศักยภาพและเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกมากในอนาคต โดยการพัฒนาโครงการใหม่นั้นจะมี ทั้งแนวราบและคอนโด เพื่อสร้างความต่อเนื่องของรายได้อย่างยั่งยืน ในเป้าหมายการรับรู้รายได้ปี 2565 จำนวน 350 ล้านบาท ปี 2566 จำนวน 450 ล้านบาท ปี 2567 จำนวน 500 ล้านบาท และ ปี 2568 จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน ปี

ความสำเร็จจากโครงการ เดอะเซนโทร คอนโด นำไปสู่การต่อยอดโครงการใหม่ๆ ที่ทางบริษัทเตรียมตัวเปิดตัว โดยเป็นโครงการแนวราบประเภทบ้านแฝด บ้านเดี่ยว ในโซนอมตะนคร ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาแบบ คาดว่าจะเปิดขายในช่วงต้นปี 2566 รวมทั้งการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมในพื้นที่อีอีซี อีกราว 2-3 โครงการในอนาคต” นายจักรพันธ์ กล่าว