บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW เดินหน้าประกาศร่วมทุนพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น “โตเกียว ทาเทโมโนะ” บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น มีประวัติอันยาวนานกว่า 126 ปี ร่วมพัฒนาโครงการคอนโดฯ แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท วางแผน Synergy ผสานโนว์ฮาวและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานจากพาร์ทเนอร์ ชูความเชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาฯ สร้างมูลค่าเพิ่มแก่โครงการ ยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตด้วยสไตล์ Luxury Resort เล็งขยายฐานรองรับทุกความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เปิดเผยว่บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจครั้งสำคัญภายใต้การร่วมทุนกับบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะจำกัด (Tokyo Tatemono) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยบริษัทถือหุ้น 51% และโตเกียวทาเทโมโนะ ถือหุ้น 49% เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม “แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช” ภายใต้แนวคิด The Oasis Within City Resort Lost in The Garden ที่อยู่อาศัยที่เต็มเปี่ยมด้วยธรรมชาติใจกลางอ่อนนุช จำนวน 1,110 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,200 ล้านบาท  

สำหรับโตเกียว ทาเทโมโนะ เป็นดีเวลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่ที่ เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มจากการพัฒนาสินทรัพย์ที่ตอบสนองความต้องการของคนในแต่ละยุค และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลากหลายรูปแบบเรื่อยมา โดยโครงการ “แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช” มี Facility ที่เปรียบเสมือนเป็นโอเอซิสขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 3 ไร่ ภายในโครงการ เพื่อมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยในสไตล์ Luxury Resort โดยร่วมมือกับโตเกียว ทาเทโมโนะที่สั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และเสริมความแข็งแกร่ง (Synergy) ได้ ทั้งนี้ แอทโมซ โอเอซิส อ่อนนุช ได้ผสานความโดดเด่นของโตเกียว ทาเทโมโนะ ที่มีจุดแข็งด้านคุณภาพงานก่อสร้างกับการดีไซน์ในแบบฉบับ ASW ที่มีเอกลักษณ์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้เหนือระดับด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง  

ทั้งนี้ โตเกียว ทาเทโมโนะ เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัย์ในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 1,650,770 ล้านเยน หรือประมาณ  438,291 ล้านบาท ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย และเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน อาคารพาณิชย์ บนทำเลที่มีศักยภาพในญี่ปุ่นมากมายหลายโครงการ การร่วมทุนกันในครั้งนี้จะเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นระหว่างกันในฐานะพาร์ทเนอร์ 

“นับเป็นย่างก้าวที่สำคัญของทั้ง บริษัท สำหรับการร่วมกันพัฒนาโครงการ เพื่อสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ส่งมอบต่อให้กับคนไทย และขยายฐานลูกค้าชาวต่างชาติ เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งการที่โตเกียว ทาเทโมโนะเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัทฯ เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพบริษัทฯ ที่เป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ได้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ มีประสบการณ์พัฒนาอสังหาฯ ทั้งแนวสูงและแนวราบที่ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ มีการออกแบบ Facility ที่โดดเด่นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย โดย ASW มั่นใจการร่วมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำโนว์ฮาวที่ได้รับจากพาร์ทเนอร์ สร้างรากฐานในธุรกิจอสังหาฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน” นายกรมเชษฐ์  กล่าว  

ด้านนายฟุมิโอะ ทะจิมะ กรรมการผู้จัดการ และผู้อำนวยการสายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด กล่าวว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมากโดยเฉพาะการพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชน อันเนื่องมาจากการขยายตัวของเมือง เช่น รถไฟฟ้า ทางด่วน เป็นต้น และด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรที่เชื่อถือได้ บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ยกระดับมาตรฐานการครองชีพของผู้อยู่อาศัย และมีส่วนในการพัฒนาความน่าดึงดูดและเพิ่มมูลค่าของภูมิภาค 

สำหรับการร่วมทุนในประเทศไทย แอสแซทไวส์ นับว่าเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ของนักพัฒนารุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง พิสูจน์จากความสำเร็จกับการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่มีคุณภาพกว่า 44 โครงการ การร่วมทุนในครั้งนี้พร้อมจะนำปรัชญาการดำเนินธุรกิจ โตเกียว ทาเทโมโนะ Trust beyond the era ผสานกับ ASW ที่ยึดมั่นความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ร่วมสร้างโอกาสและการเติบโตร่วมกัน  

ทั้งนี้ ASW ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 44 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 46,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 32 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 12 โครงการ โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 9,218 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง