คัลเลอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ภาคตะวันออก บุกตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ผุดโครงการ “อุ่น บางนา กม.26” ทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ พร้อมดึง MSIG ออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยทรัพย์สินภายในบ้าน นำร่องด้วยความคุ้มครองวงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาท* นาน 5 ปี

นายภาค ธนาอัครชล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คัลเลอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ภาคตะวันออกและพื้นที่ EEC ซึ่งเป็นการร่วมทุนของ 3 กลุ่มคือกลุ่มของตน ,กลุ่มนายเฉลิมพล โขนแจ่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอปัส ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด และนายสมภพ วาณิชเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิ เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า เดิมบริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการในพื้นที่ภาคตะวันออกและพื้นที่ EEC โดยได้พัฒนาโครงการแนวราบในพื้นที่ดังกล่าวไปแล้ว 40-50 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 6-7 โครงการ ล่าสุด มองเห็นศักยภาพของจ.สมุทรปราการ ทำเลที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC: Eastern Economic Corridor ) โดยทำเลย่านบางนา มีศักยภาพการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ทุกๆ ปี ทำเลดังกล่าวมีเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้นมากมาย รวมมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยแหล่งงาน ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรมบางพลี, นิคมอุตสาหกรรมเวลโกลว์ รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวก ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันอย่างครบครัน ทั้งศูนย์การค้าชั้นนำ สถานศึกษา โรงพยาบาล และความสะดวกสบายในการเดินทางเข้า-ออกเมืองด้วยทางด่วนขาเข้าบางนา-ตราด (ทางพิเศษบูรพาวิถี), ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ Airport Link

ด้วยศักยภาพของทำเลดังกล่าว จึงส่งผลต่อความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ทางบริษัทจึงได้ตัดสินใจพัฒนา โครงการ “อุ่น บางนา กม.26” ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลของบริษัทเป็นโครงการแรก บนพื้นที่ 25 ไร่ ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ขนาด 18.53-28.88 ตารางวา ราคา  2.59-4 ล้านบาท จำนวน 273 ยูนิต มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส และได้เปิดพรีเซลไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงปัจจุบัน พัฒนาโครงการไปแล้ว 3 เฟส จำนวน 220 ยูนิต มียอดขายแล้วกว่า 60% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด (273 ยูนิต) และคาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ในปี 2567

นายภาค กล่าวอีกว่า ด้วยแนวทางในการดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทที่มุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์การใช้ชีวิตด้วยการออกแบบที่มุ่งสร้างผลประโยชน์ต่อการอยู่อาศัยเป็นหลัก บริษัทจึงได้ร่วมกับบริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MSIG ออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยทรัพย์สินภายในบ้านโดยมีแผนการดูแลให้กับลูกบ้านทุกโครงการแนวราบของบริษัท การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักคือช่วยคุ้มครองความเสี่ยงภัยให้กับลูกค้าผู้บริโภคหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น โดยทาง MSIG ประกันภัยฯ จะเข้ามาดูแลความเสียหายบรรเทาภัยที่เกิดขึ้น ซึ่งจะประเดิมโครงการแรกคือ โครงการ “อุ่น บางนา กม.26” ด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้านด้วยประกันภัยวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท* คุ้มครองนานถึง 5 ปี 

ด้านนายรัฐพล กิติศักดิ์ไชยกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ทาง MSIG รู้สึกยินดีที่มีส่วนช่วยยกระดับการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้าน ประกันภัยทรัพย์สินของ MSIG นั้นต่างจากประกันภัยที่อยู่อาศัยที่ทำตอนยื่นกู้แบงก์ ซึ่งให้ความคุ้มครองเฉพาะสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น หรือสิ่งที่ได้มาตอนซื้อ ซึ่งจะไม่รวมถึงของที่อยู่ภายในบ้าน ในส่วนประกันภัยของ MSIG จะคุ้มครองเฟอร์นิเจอร์ บิ้วท์อิน สิ่งตกแต่งเพิ่มเติม เครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ เครื่องครัว เป็นต้น ซึ่งจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจาก 1.ภัยหลัก (ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ลมพายุ แผ่นดินไหว น้ำท่วม) 2.โจรกรรม (มีร่องรอยงัดแงะจากการชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์) และ 3.ความรับผิดส่วนบุคคลต่อบุคคลภายนอก เช่น กิ่งไม้ตกใส่หลังคาเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิพิเศษบริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน ตลอด 24 ชั่วโมง (MSIG Home Assistance) ในวงเงินไม่เกิน 1,000 บาทต่อครั้งต่อปี”

นายภาค กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าด้วยศักยภาพของทำเลบางนา ทำให้บริษัทต้องการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบในย่านดังกล่าวเพิ่มเติม โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินในย่านสมุทรปราการ จำนวน 2 แปลง แปลงแรกพื้นที่ 15 ไร่ มีแผนพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว ระดับราคา 10-15 ล้านบาท และอีกหนึ่งแปลง พื้นที่ 30 กว่าไร่ มีแผนพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 2.2-3.7 ล้านบาท 

ทั้งนี้ สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของคัลเลอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 3 โครงการ รวมมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว ย่านพัทยา 1 โครงการ, บ้านแฝด ย่านหทัยราษฎร์ 1 โครงการ และบ้านเดี่ยว ย่านบางนา 1 โครงการ และหลังเข้ามาบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล บริษัทมีแผนที่จะทำปรับเปลี่ยนสัดส่วนการพัฒนาโครงการ เป็นการพัฒนาโครงการในพื้นที่ EEC ในสัดส่วน 70% และพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 30%