CPANEL เผยภาพรวมอสังหาฯ-ท่องเที่ยวคึกคัก ส่งผลการแข่งขันผู้ประกอบการอสังหาฯ สูงขึ้น ชี้ Precast Concrete ตอบโจทย์ เป็นโอกาสในการรับงานให้กับบริษัท กางแผนปี 2566 ชูกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าอสังหาฯ หัวเมืองใหญ่ โรงแรม นิคมฯ เตรียมลงเครื่องจักรเพิ่มกำลังการผลิต 25% ลุ้นผลประกอบการนิวไฮต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15%

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่ามีสัญญาณที่ดี จำนวนบ้านจัดสรรก่อสร้างใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยังคงเติบโต โดยเฉพาะบ้านระดับกลาง – บน สำหรับคอนโดมิเนียมคาดว่าจะได้รับอานิสงส์อย่างมากจากการที่ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน กลับมาเปิดประเทศเต็มตัว นอกจากนั้นความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในประเทศเมียนมาร์ ไต้หวัน และ ยุโรปบางประเทศ ยังส่งผลให้ประเทศไทยเป็นกลายตัวเลือกลำดับต้นๆ ที่จะเป็นบ้านหลังที่สอง (Second Home) รวมทั้งการกระจายฐานการผลิต และการลงทุน เนื่องจากประเทศไทยค่อนข้างมีความเป็นกลางในเรื่องดังกล่าว ส่งผลให้มีประชากรในพื้นที่ EEC เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยมีอัตราการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาฯ จาก 12% เป็น 15 % และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

“เชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ประเทศไทยได้รับปัจจัยเชิงบวกจากจีนค่อนข้างมากโดยเฉพาะภาคอสังหาฯ และการท่องเที่ยว ประกอบกับความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Pent Up Demand) จากความต้องการที่ถูกอั้นไว้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 อาจส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการอสังหาฯ สูงขึ้น  โดยต้องการความรวดเร็วในการส่งมอบงานได้ทันเวลา ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน อีกทั้งสามารถรักษาเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) ในการดำเนินงาน ซึ่ง Precast Concrete สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ดี ถือเป็นโอกาสในการรับงานให้กับบริษัท” นายชาคริต กล่าว

นายชาคริต กล่าวอีกว่าทิศทางธุรกิจของ ในปี2566 บริษัทมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า พร้อมเพิ่มกำลังการผลิต โดยได้ทุ่มงบ 500 ล้านบาทในการสร้างโรงงงานแห่งที่ 2 ซึ่งในปี 2566 จะเริ่มดำเนินการติดตั้งระบบการผลิต และโรงงานแห่งที่ 2 จะเริ่มต้นดำเนินการผลิตได้ในไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งการมีโรงงาน 2แห่ง จะทำให้ CPANEL มีกำลังการผลิตถึง 900,000 ตร.ม./ปี เพียงพอต่อการรองรับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น นอกจากนั้นบริษัทยังตั้งเป้าหมายทำผลประกอบการทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีรายได้เติบโต 10-15%  พร้อมรักษาความสามารถการทำกำไรจากการดำเนินงาน

สำหรับการดำเนินงานปีนี้ บริษัทมีแผนขยายฐานลูกค้าภาคอสังหาฯ หัวเมืองใหญ่ ทั้งแนวราบ แนวสูง อาทิ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงลูกค้ากลุ่มโรงแรม และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม โดยมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ และภาคท่องเที่ยว

นอกจากนี้ บริษัทวางแผนลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 25% ส่งผลให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งเรื่องการออกแบบ ความรวดเร็ว ปริมาณ และคุณภาพ Precast Concrete รวมถึงลดความผิดพลาด ความสูญเสียในการผลิต ถือเป็นการเพิ่มโอกาสการรับงาน รองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น และส่งผลให้บริษัทมี Economy of Scale ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เพิ่มความสามารถการทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีงบลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท

นายชาคริต เปิดเผยอีกว่าปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 1,295 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รานได้ภายใน 2 ปี (ปี 2566- 2567) นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 1/66 บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาจากลูกค้า 3 ราย มูลค่ารวมประมาณ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 2 ราย แนวสูง 1 ราย