บริทาเนีย เผยความสำเร็จปี 65 เติบโตทั้งยอดขาย รายได้ กำไรสุทธิ ชี้ปี 66 เดินหน้าลุยต่อเนื่อง เตรียมขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดตัวโครงการใหม่ All Time High 20 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ล้าน ยกทัพบุกทุกทำเลทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล-EEC-หัวเมืองใหญ่ ทุกเซ็กเมนท์ ตั้งเป้ายอดขายปี 66 กว่า 13,000 ล้าน พร้อมเป้ารายได้รวม 9,000 ล้าน
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท ทำยอดขายได้ 11,045 ล้านบาท เติบโตขึ้น 32% จากปี 2564 และมีรายได้รวมอยู่ที่ 6,296 ล้านบาท เติบโต 65% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,471 ล้านบาท เติบโตขึ้น 144%
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 นายสุรินทร์ แสดงความคิดเห็นว่า คาดว่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกปีหนึ่ง จากการเปิดประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีความท้าทายจากภาวะเงินเฟ้อ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และ GDP (Gross Domestic Product) ซึ่งแม้จะคาดการณ์ว่าจะดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นถึงระดับที่น่าพอใจ นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่ควรระมัดระวังในเรื่องของภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก รวมถึงส่งผลให้ต้นทุนค่าก่อสร้างและต้นทุนด้านอื่นๆ ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น ตลอดจนเป็นปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะในตลาดแนวราบ เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดหันมาพัฒนาโครงการแนวราบกันมากขึ้น
สำหรับ BRI ในปี 2566 บริษัทมีการวางแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สู่เป้าหมายผู้นำธุรกิจพัฒนาบ้านจัดสรรระดับท็อป ซึ่งในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท หรือ All Time High จำนวน 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,500 ล้านบาท ยกทัพแบรนด์ในเครือทั้ง 4 แบรนด์ ได้แก่ เบลกราเวีย (Belgravia) แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บริทาเนีย (Britania) และไบรตัน (Brighton) ร่วมบุกตลาดทุกเซ็กเมนท์ กระจายตัวในหลากหลายทำเล จากกรุงเทพฯ โซนตะวันออก จะขยายทำเลไปในกรุงเทพฯ โซนตะวันตก รวมทั้งปริมณฑล อาทิ สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ตลอดจนหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด นำร่องที่ขอนแก่นด้วยบริทาเนีย มะลิวัลย์ และบริทาเนีย อยุธยา รวมทั้งเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC อย่างชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา พร้อมเดินหน้ายกระดับฟังก์ชันและนวัตกรรมการอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคเพื่อสร้างจุดต่างในตลาด
“เราประเมินว่าปีนี้บ้านทุกระดับราคาจะมีความต้องการต่อเนื่อง เป็นสาเหตุให้เรานำแบรนด์เบลกราเวีย ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับลักชัวรีกลับมาร่วมบุกตลาดพร้อมกับอีก 3 แบรนด์ และจะมีทั้งโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ตลอดจนโครงการที่เป็นมิกซ์โปรดักส์เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และสร้างคุณค่าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ปีนี้โฟกัสหลักของเราจะมุ่งไปที่ตลาดใหญ่ที่สุดอย่างตลาดบ้าน 5-10 ล้าน ซึ่งเป็นเซ็กเมนท์ที่มีกำลังซื้อแข็งแกร่ง โดยมีฟังก์ชันตอบโจทย์การอยู่อาศัยร่วมกันระหว่างคนหลากเจเนอเรชั่น รองรับประเทศก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ” นายสุรินทร์ กล่าว
นายสุรินทร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2566 ขณะที่มีสินค้าพร้อมโอนกรรมสิทธ์มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยในปี 2566 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายทั้งปีเอาไว้ที่ 13,000 ล้านบาท พร้อมเป้ารายได้รวมอีก 9,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเป้าหมายการเติบโตแบบ All Time High โดยบริษัทมั่นใจว่าด้วยแผนการกระจายบุกเปิดตัวโครงการใหม่ทุกแบรนด์ ทุกเซ็กเมนท์ ทุกทำเล การเดินหน้ายกระดับฟังก์ชันและนวัตกรรมการอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค การเดินหน้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว จะช่วยให้บริษัทสามารถเดินหน้าประสบความสำเร็จได้ตามเป้า