ESTAR ชี้กำลังซื้อเรียลดีมานด์เริ่มฟื้นตัว ผู้ซื้อมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจมากขึ้น กางแผนปี 66 ประกาศส่งโครงการแนวราบและแนวสูงบุกตลาด พร้อมลุยสมรภูมิคอนโดฯ ระดับกลางราคาเริ่มต้นไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่ง “Quintara MHy’ Series” โชว์เคสพร้อมกัน 3 ทำเลศักยภาพใจกลางกรุงเทพฯ ยึดหัวหาดระยอง เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยว Breeze Chalet ตั้งเป้ายอดขายรวมปีนี้แตะ 3,100 ล้านบาท
ดร.ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) “ESTAR ” กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน โดยในส่วนของอีสเทอร์น สตาร์ ได้มีการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่หลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ความมั่นใจเริ่มกลับมา บริษัทได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้น ส่งผลให้ในปี 2565 ผลประกอบการของบริษัททั้งด้านยอดขายและรายได้เติบโตขึ้นทั้งสองด้าน โดยในปี 2565 บริษัทมียอดขาย 1,999 ล้านบาท เติบโตขึ้น 50% จากปี 2564 ซึ่งมียอดขาย 1,334 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ 1,820 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2564 ที่บริษทมีรายได้ 1,326 ล้านบาท
ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ในปี 2566 คาดการณ์กำลังซื้อของกลุ่มที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริงกำลังฟื้นตัว ผู้ซื้อเริ่มมีความมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจมากขึ้น จะเห็นได้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในทุกภาคส่วนกำลังกลับมาขับเคลื่อนได้เต็มรูปแบบ ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2566 มีทิศทางบวกเมื่อผนวกกับมาตรการรัฐที่สนับสนุนกำลังซื้อภาคอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งมีส่วนกระตุ้นให้ภาคธุรกิจมีความคึกคัก
ทั้งนี้ สภาพการแข่งขันในธุรกิจอสังหาฯ จะแข่งขันในอัตราเร่ง ที่อยู่อาศัยที่ยังเป็นซัพพลายเดิมจะถูกเร่งขายเร่งโอน ขณะที่ซัพพลายใหม่เริ่มมีเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง ตลาดใหญ่ยังคงเป็นตลาดระดับกลางที่มีกำลังซื้อและมีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง โดยในปีที่ผ่านมาพบว่าตลาดที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมคืออาคารชุดที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับราคา 5-10 ล้านบาท
สำหรับ อีสเทอร์น สตาร์ ใช้ความโดดเด่นในการพัฒนาดีไซน์และคุณภาพสินค้ามาเป็นจุดแข็งเพื่อสร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขัน มุ่งเจาะกลุ่มตลาดระดับกลาง Gen Y โดยพัฒนาที่อยู่อาศัยทุกโครงการภายใต้แนวคิด Creator of Life’s Pleasure สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้จากความเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ใน 3 แกนหลักคือ Design, Green และ Living
ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2566 อีสเทอร์น สตาร์ มีสินค้าบุกตลาดเป็นโครงการพัฒนาใหม่ในรูปแบบบ้านเดี่ยวบนทำเล EEC พื้นที่ภาคตะวันออก และโครงการอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยการเปิดตัวซีรีส์ใหม่ “มาย” (MHy) ใน 3 ทำเล ภายใต้แบรนด์ควินทารา ประกอบด้วย Quintara MHy’DEN โพธิ์นิมิตร คอนโดฯ ไฮไรส์ 40 ชั้น 628 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ทำเลติดสถานีบีทีเอสโพธิ์นิมิตร ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท, Quintara MHy’GEN รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดฯ โลวไรส์ 2 อาคาร 383 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.09 ล้านบาท และ Quintara MHy’ZEN พร้อมพงษ์ คอนโดฯ โลวไรส์ 2 อาคาร 276 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ย่านพร้อมพงษ์ ราคาเริ่ม 2.29 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสามโครงการ 4,150 ล้านบาท โดยกลุ่มเป้าหมายอยู่ในกลุ่ม mid-high ซึ่งเป็นคน Gen Y มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย ชอบความเป็นส่วนตัวและต้องการใช้พื้นที่ของตัวเองอย่างคุ้มค่า
“ทำเลยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการตัดสินใจซื้อ จุดนี้ถือเป็นความได้เปรียบของเราที่มีแลนด์แบงค์ในทำเลติดและใกล้รถไฟฟ้า” ดร.ต่อศักดิ์ กล่าว และจุดเด่นอีกประการคือความคุ้มค่า หากพิจารณาถึงทำเล ดีไซน์โครงการทันสมัย และฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอย แต่สามารถจ่ายในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยาก นับว่าเป็นจุดที่ทำให้อีสเทอร์น สตาร์ได้เปรียบด้านการแข่งขันในตลาดคอนโดฯ ระดับกลาง
นอกจากโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ อีสเทอร์น สตาร์ ยังคงยึดหัวหาดทำเลพื้นที่ภาคตะวันออก จ.ระยอง โดยพัฒนาโครงการใหม่คือ โครงการบรีซ ชาเลต์ (Breeze Chalet) บ้านเดี่ยวสไตล์อังกฤษในทำเลบูรพาพัฒน์-สุขุมวิท มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้ว 10 ยูนิต มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท
ดร.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่าในปี 2566 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 3,100 ล้านบาท เติบโตขึ้น55%จากปีที่ผ่านมา ขณะที่ตั้งเป้ารายได้รวมเอาไว้ที่ 1,700 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 2567 รายได้รวมจะเพิ่มเป็น 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดโครงการใหม่ที่มากขึ้นในปีนี้