เมื่อภัยธรรมชาติไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ผ่านมาทำให้ผู้คนต้องหันมาให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของที่อยู่อาศัยมากขึ้น พฤกษา เรียลเอสเตท จึงร่วมมือกับ อินโน พรีคาสท์ จัดเสวนาพิเศษในหัวข้อ “เมื่อแผ่นดินไหวไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป…บ้านแบบไหนเอาอยู่?”
หนึ่งในไฮไลต์ของงาน คือ การพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยี “พรีคาสท์” (Precast) ซึ่งเป็นระบบผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจากอินโน พรีคาสท์ ที่ได้รับการวิจัยและทดสอบจาก AIT (Asian Institute of Technology) ว่าสามารถรองรับแรงแผ่นดินไหวได้จริง ซึ่งเทคโนโลยีนี้กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของที่อยู่อาศัยในยุคที่แผ่นดินไหวอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ด้วยคุณสมบัติผนังรับแรงได้ดี ทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ แข็งแรงกว่าอิฐมอญทั่วไปถึง 3 เท่า ซึ่งพรีคาสท์ที่ผลิตในโรงงานที่มีระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ สามารถควบคุมคุณภาพได้แม่นยำทุกชิ้นส่วน กันไฟได้มากถึง 2 ชั่วโมง กันเสียงได้ดีขึ้น 33%
>>>นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทยชี้ทางออกสำหรับบ้านปลอดภัยยุคใหม่
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมคอนกรีตหล่อสำเร็จไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรโครงสร้าง หนึ่งในวิทยากรที่มาร่วมเสวนาในครั้งนี้ กล่าวว่า “แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่ประเทศที่อยู่บนรอยเลื่อนหลักของโลก แต่ก็ได้รับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวในประเทศเพื่อนบ้านอยู่เสมอ แม้แต่ในกรุงเทพฯ ที่อยู่ห่างจากรอยเลื่อนหลายร้อยกม. หรือแม้กระทั่งเป็นพันกม. ก็ยังตรวจพบแรงสั่นสะเทือนชัดเจนหลายครั้ง โดยเฉพาะอาคารสูงหรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ออกแบบให้รองรับแรงจากแผ่นดินไหวอย่างเหมาะสม ดังนั้น การเตรียมพร้อมผ่านการออกแบบทางวิศวกรรมจึงเป็นเรื่องจำเป็น”
ศ.ดร.อมร กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุการแผ่นดินไหวในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย ได้มีการระดมทีมวิศวกรกว่า 660 คน ตรวจดูอาคารสูงทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งพบว่ามีเพียง 10 อาคารที่มีความเสียหายในระดับโครงสร้าง และต้องได้รับการซ่อมแซมก่อนเข้าไปใช้งาน โดยอาคารที่ใช้การก่อสร้างระบบพรีคาสท์แทบจะไม่พบความเสียหายเลย เนื่องจากตัวผนังคอนกรีตผลิตสำเร็จจากโรงงาน ซึ่งได้มาตรฐาน รองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ และไม่ต้องนำมาฉาบปูนทับอีกครั้ง จึงพบความเสียหายน้อย อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างด้วยระบบนี้จะต้องระวังในเรื่องของจุดเชื่อมต่อ เพราะเป็นขั้นตอนการก่อสร้างที่ไซต์งาน ซึ่งหากไม่มีความชำนาญก็อาจเกิดปัญหาได้เช่นกัน
“โครงสร้างที่แข็งแรงไม่เพียงปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัย แต่ยังช่วยลดภาระในการซ่อมแซมและฟื้นฟูหลังเกิดเหตุอีกด้วย บ้านยุคใหม่จึงต้องออกแบบให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่สวยหรืออยู่สบาย แต่ต้อง ‘เอาอยู่’ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว การออกแบบโครงสร้างอาคารยุคใหม่จึงต้องคำนึงถึงการต้านแผ่นดินไหวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างประเภทพรีคาสท์ จะต้องออกแบบและก่อสร้างจุดต่อที่ยึดชิ้นส่วนทั้งระบบเข้าด้วยกันให้มีความแข็งแรง ลดโอกาสถล่มหรือแตกร้าวเมื่อเกิดแผ่นดินไหว”
>>>อินโน พรีคาสท์ เปิดเกมรุก ดึงเทคโนโลยีคาร์บอนเคียว สร้างนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยและยั่งยืน พร้อมขยายไลน์ธุรกิจเพิ่ม
นายทรงศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน พรีคาสท์ จํากัด กล่าวถึงการพัฒนาเทคโนโลยีพรีคาสท์ว่า “อินโน พรีคาสท์ ดำนเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 20 ปี มีโรงงานที่มีกำลังการผลิตสูงสุดในไทย ด้วยเครื่องจักรระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบจากประเทศเยอรมนีที่ควบคุมคุณภาพได้แม่นยำกว่า ซึ่งเราไม่ได้หยุดแค่การพัฒนาเรื่องความแข็งแรงของผนังพรีคาสท์ แต่ยังเป็นรายแรกในอุตสาหกรรมที่นำเทคโนโลยีคาร์บอนเคียว (CarbonCure) จากประเทศแคนาดา มาใช้ในการผลิต ทำให้สามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในกระบวนการผลิต โดยไม่ลดทอนคุณภาพของพรีคาสท์ และยังเพิ่มความแข็งแกร่งด้วย” โดยบริษัทจะสามารถขายคาร์บอนเครดิตได้ในต้นปี 2569
นายทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า อินโน พรีคาสท์ แยกออกมาจากบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ 3 ปีแล้ว และปัจจุบันนอกจากรองรับการพัฒนาโครงการของพฤษา ยังได้มีการขยายฐานลูกค้าออกไปยังโครงการของดีเวลล็อปเปอร์รายอื่น รวมทั้งเพิ่มการผลิตในส่วนของคานรับน้ำหนัก ซึ่งรองรองรับได้ทั้งการสร้างที่อยู่อาศัยและโรงงงาน และนอกจากคู่ค้าที่เป็นองค์กรธุรกิจ ปัจจุบันยังเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้ลูกค้ารายบุคคลด้วย โดยในปีนี้ ยอดขายน่าจะเติบโตได้ถึง 3,000 ล้านบาท แต่เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ยังซบเซา และน่าจะอยู่ในภาวะนี้ยาวนานไปถึงปีหน้า บริษัทจึงตั้งเป้ายอดขายในปีนี้เอาไว้ที่ 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดีเวลล็อปเปอร์ต่างปรับตัวรับสถานการณ์เศรษฐกิจโดยการลดสต็อกสินค้าในมือลง ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่ ดังนั้น หากสต๊อกที่คงค้างในตลาดทยอยหมดไป และดีเวลล็อปเปอร์เริ่มกลับมาพัฒนาโครงการอีกครั้ง คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวในปี 2570 และตลาดพรีคาสท์ก็จะเติบโตขึ้นเช่นกัน
>>>ย้ำจุดยืน “ป้องกันดีกว่าแก้” ผลักดันมาตรฐานใหม่สู่ตลาดอสังหาฯ
นายพิเชษฐ วิจิตรชำนาญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจ 2 บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เน้นย้ำแนวคิดการพัฒนาโครงการของพฤกษาว่า การสร้างบ้านในยุคนี้ ไม่ควรเน้นแค่เรื่องฟังก์ชันหรือดีไซน์ แต่ต้องตอบโจทย์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน สำหรับพฤกษาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แบรนด์ให้ความสำคัญกับเรื่องโครงสร้างควบคู่กับดีไซน์และฟังก์ชัน เพราะมองว่าบ้านที่ดีต้องปลอดภัยและอยู่ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ต้องอยู่ได้จนถึงลูกหลาน
“แบรนด์พฤกษาไม่เพียงให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพการก่อสร้าง แต่ยังอยู่เคียงข้าง ดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกบ้านในทุกสถานการณ์ ในช่วงเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา เราทำงานเชิงรุก ลงพื้นที่เช็กโครงสร้างของโครงการต่างๆ โดยทีมวิศวกรทันที เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกบ้านในเรื่องความปลอดภัย พร้อมให้คำปรึกษาแก่ลูกบ้าน รวมถึงประสานความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ซึ่งจากเหตุภัยพิบัติที่เกิดขึ้นช่วยตอกย้ำแนวคิดของเราว่าการก่อสร้างบ้านควรเน้นแนวทางการป้องกันมากกว่าแก้ไข เราจึงมุ่งมั่นผลักดันให้ทุกโครงการของพฤกษาหรือแม้กระทั่งตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม หันมาใช้เทคโนโลยีพรีคาสท์ให้มากขึ้น และกระตุ้นให้คนที่คิดจะซื้อหรือสร้างบ้าน คำนึงถึงเรื่องวัสดุและความแข็งแรงของบ้านด้วย”