CCP ประกาศผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2566 รายได้รวม 2,303.42 ล้านบาท กำไรสุทธิ 104.66 ล้านบาท โต 303.78 % ส่งสัญญาณทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/66 เติบโตดี ภาครัฐเร่งก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ หนุนงานก่อสร้างที่อยู่อาศัย โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า โรงแรม รองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เดินหน้าส่งมอบงานต่อเนื่อง ลุยประมูลงานใหม่ เตรียมรับรู้รายได้ธุรกิจคลังสินค้าบริษัทย่อย โกยรายได้โตตามเป้า 2,600 ล้านบาท  

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2566  บริษัทมีรายได้รวม 2,303.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,886.85 ล้านบาท จำนวน 416.57 ล้านบาท  และมีกำไรสุทธิ 104.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.92 ล้านบาท จำนวน 78.74 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 303.78%

ส่วนผลประกอบการ ไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 818.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 637.97 ล้านบาท จำนวน 180.79 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 37.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.86 ล้านบาท จำนวน 23.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 171%

ทั้งนี้ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถทยอยส่งสินค้าคอนกรีตสำเร็จรูปในงานก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ต่อเนื่อง อาทิ มอเตอร์เวย์ สายใหม่ บางปะอิน –  โคราช

สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส4/2566 มีแนวโน้มเติบโตดี หลังความชัดเจนจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เดินหน้านโยบายกระตุ้นการลงทุนแผนพัฒนาเศรษฐกิจ งานโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการทั่วประเทศหนุนงานก่อสร้างที่อยู่อาศัย โรงงาน นิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า โรงแรม รองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทเร่งส่งสินค้าต่อเนื่อง หลังบางโครงการหยุดชะงักการก่อสร้างจากช่วงฤดูฝน กลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่เข้ามาเพิ่ม รักษาปริมาณงานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท อีกทั้ง บริษัท ชาลี ท็อป โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทย่อย เตรียมเปิดคลังสินค้าเขตปลอดอากร (Free Zone) โซนแหลมฉบัง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เฟสแรก หลังดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ คาดสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 ผลักดันให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท” นายอาทิตย์กล่าว