นายพิษณุพร อุทกภาชน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) (K-HA) เปิดเผยถึงกรณีโดนพาดพิงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจและเรื่องผู้บริหาร บริษัท จัดการทรัพย์สินและชุมชน จำกัด หรือ CEMCO ในเรื่องของผลการดำเนินงานและเรื่องการรับงานของ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) โดยชี้แจงว่า  ตามที่ สตง. แจ้งให้ตรวจสอบผลประโยชน์ทับซ้อนใน CEMCO บริษัทพบว่า มีกรรมการจำนวน 2 ท่าน ที่เข้ามาเป็นกรรมการช่วงปี 2558 -2559 ขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ เนื่องจากขัดกับข้อบังคับของบริษัท ที่ห้ามกรรมการประกอบธุรกิจอย่างเดียวกับบริษัท 

บริษัท จัดการทรัพย์สินและชุมชน จำกัด (CEMCO) ก่อตั้งเมื่อปี 2538 เป็นบริษัทในเครือการเคหะแห่งชาติ โดยการเคหะแห่งชาติถือหุ้น 49% ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท มีภาระกิจหลักการดูแลชุมชน ต่อจาก กคช. ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง ได้แก่ 1. เพื่อดำเนินงาน บริหารจัดการ นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร นิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลอาคารเช่า 2. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและพัฒนาชุมชนให้น่าอยู่ และ 3. ดำเนินการด้านอื่นๆ ตามภาระกิจที่การเคหะแห่งชาติมอบหมาย

นายพิษณุพร กล่าวว่า ตนเองเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในปี 2560 โดยบริษัทมีผลขาดทุนสะสมอยู่ ณ สิ้นปี 2560 เท่ากับ 13.4 ล้านบาท และในส่วนขอผู้ถือหุ้นมีอยู่เพียง 6.85 ล้านบาท แต่ด้วยการบริหารอย่างโปร่งใส และได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการ และกคช. จึงทำให้ ณ สิ้นปี 2564 บริษัท มีกำไรก่อนภาษี 18.4 ล้านบาท และมีกำไรสะสมอยุ่ที่ 2.55 ล้านบาท สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นปี 64 แสดงยอดเท่ากับ 22.8 ล้านบาท (ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท)

ส่วน บมจ.เคหะสุขประชา ได้รับการจัดตั้ง ตามที่การเคหะแห่งชาติได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ให้จัดตั้ง บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) เพื่อมาช่วยให้การดำเนินโครงการบ้านเคหะสุขประชาคล่องตัว และประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น โดยการเคหะแห่งชาติถือหุ้น 49% และผนึกกำลังกับพันธมิตรที่เข้มแข็งและมีความเป็นมืออาชีพถือหุ้น 51% โดยมีเป้าหมายสร้างจำนวน 100,000 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2564 – 2568 โดยสร้างปีละ 20,000 หน่วย โดยมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท  และได้มีการแต่งตั้งบอร์ดบริหาร ซึ่งมีการตรวจสอบเป็นอย่างดี

สำหรับโครงการเคหะสุขประชา บ้านเช่าพร้อมอาชีพ เป็นการระดมทุนจากเอกชนในตลาด หาเม็ดเงินมาทำโครงการให้กับการ กคช. โดยไม่ได้ใช้เงินงบประมาณของแผ่นดิน หรือของรัฐบาลมาใช้แต่อย่างใด จะเป็นการระดมทุนเอง แต่ทำงานเพื่อรัฐ และที่ไม่มีภาคเอกชนเข้ามาทำงานในครั้งนี้ เพราะเคหะสุขประชาเป็นโครงการที่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการแสวงหากำไรเหมือนโครงการอสังหาริมทรัพย์เอกชนทั่วไป แต่เป็นโครงการกึ่งสังคม เพื่อช่วยเหลือประชาขนทุกภาคส่วนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัย เลยไม่มีเอกชนสนใจลงทุน

นายพิษณุพร กล่าวอีกว่า ในอนาคตมีเป้าหมายที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์อยู่แล้ว เพราะมีกระบวนการตรวจสอบ และโปร่งใสอย่างชัดเจน และการเข้าตลาดไม่ใช่เข้าไปเกรงกำไร แต่มันคือการระดมทุนเม็ดเงินมาทำงานเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กับคนยากไร้ และพร้อมกับอาชีพให้ด้วย สำหรับโครงการนี้ถ้าพูดถึง มันคือโครงการกึ่งสังคม และมหากุศลที่ยิ่งใหญ่ และในส่วนที่บอกว่า ใช้เวลา 200 ปี กว่าจะคืนทุนนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ถ้ามีจริงหน่วยงานราชการที่มีส่วนในการกลั่นกรอง รวมถึงคณะรัฐมนตรี ก็คงไม่อนุมัติโครงการแบบนี้ได้

“แต่สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงคือวิธีการทำงาน วิธีคิด จากการทำกำไรในเชิงพาณิชย์ มาเป็นการคืนกำไรแก่สังคม เปลี่ยนการขายบ้านมาให้คนรายได้น้อยเช่าราคาเริ่มต้น 1,500 – 3,000 บาท แล้วแต่ขนาด ประชาชนอยู่ได้ตลอดชีวิต และไม่ใช่แค่การสร้างบ้าน แต่เป็นการสร้างบ้านพร้อมส่งเสริมอาชีพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของประเทศที่จะทำโครงการนี้” นายพิษณุพร กล่าวสรุปในตอนท้าย