นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 384.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 25.2% โดยเป็นรายได้จากโครงการคอนโดมีเนียม จำนวน 216.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 12.8% รายได้จากโครงการแนวราบ จำนวน 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 46.6 % และรายได้อื่นๆ จํานวน 12.5 ล้านบาท คิดเป็น 3.2 % ของรายได้รวม ทำให้การดำเนินงาน 3 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,177.5% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ที่บริษัทมีกำไร 0.08 ล้านบาท
ปัจจัยของการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ได้มีโปรโมชันออกมากระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความน่าสนใจและกระตุ้นการตัดสินใจ ตามกลุ่มเป้าหมายแต่ละโครงการ เช่น “คุ้มแน่! จอง 0 บาท รับทัวร์จอร์เจียทุกยูนิต” โดยมอบสิทธิพิเศษนี้สำหรับลูกค้าที่จองและโอนคอนโดทำเลศักยภาพ 3 ทำเล ( ชีวาทัย เกษตร-นวมินทร์, ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 และชีวาทัย ปิ่นเกล้า) และโครงการ “อยากซื้อบ้านเจอแต่ปัญหา มาหาชีวาทัย” เพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือผู้ที่อยากมีบ้าน แต่อาจมีปัญหาด้านการกู้สินเชื่อ ด้านข้อมูลอสังหาฯ ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวออกไปก็ได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดีในทุกแคมเปญ มีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ จะมีการจัดโปรโมชันใหญ่ของชีวาทัย กับกิจกรรม “ชีวาทัย เมกะ เซลล์” เพื่อคืนกำไรแก่ลูกค้าตลอดปี คาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งปัจจัย มาจากการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรกของปี 2566 ทำให้ยอดการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ และตลาดโดยรวม มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งมีผลมาจากปัจจัยบวกในหลายๆส่วน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดประเทศของจีนส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคึกคักขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอย (Recession) แต่ในภูมิภาคอาเซียนและจีนกลับเติบโตแบบสวนกระแส ทั้งนี้นโยบายจากภาครัฐในการลดค่าใช้จ่ายโอนกรรมสิทธิ์ และ ค่าจดจำนองของภาครัฐ สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท มาตรการลดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2566 ในส่วนของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งหมดนี้ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้ภาคธุรกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายด้านทั้งเรื่อง การขึ้นอัตราดอกเบี้ย นโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ส่งผลให้ ธนาคารพาณิชย์มีการปรับดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้นในปีนี้ ทั้งนี้ยังมีปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนในการพัฒนาโครงการ อาทิ ราคาตลาดของที่ดินซึ่งเป็นต้นทุนหลักที่ปรับตัวสูงขึ้นตามการปรับราคาประเมินราชการรอบใหม่ที่เริ่มใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา การประกาศขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำในเดือนตุลาคม 2565 เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการให้ต้องปรับราคาสูงขึ้น และกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าในระดับกลางและระดับล่าง ในการตัดสินใจและขอสินเชื่อทั้งสิ้น
ด้านแผนการลงทุนและเปิดโครงการใหม่ของบริษัทฯ หลังจากการเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 1 โครงการ คือโครงการ ชีวารมย์ นิว ราชพฤกษ์ อยู่บริเวณถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่ (ถนนหมายเลข 346) มูลค่าโครงการประมาณ 687 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 ไปก่อนหน้านี้แล้ว บริษัทฯ กำลังศึกษาที่ดินเพิ่มเติมอีก 2 แปลง ตามแผนหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติมที่เคยแถลงไปก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายซื้อเพิ่ม 7 โครงการ ภายในปี 2566 มูลค่าโครงการรวม 6,350 ล้านบาท ( วงเงินค่าที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ประมาณ 1,700 ล้านบาท) เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียมตึกสูง แบรนด์ชีวาทัย 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท, โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ไลท์ 1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท, บ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ชีวาโฮม 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท, โครงการบ้านมือสอง จากชีวารีนิว จำนวน 350 ล้านบาท และบริษัทยังคงค้นหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และเปิดรับการร่วมลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง
คาดการณ์ภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตตามการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง แต่ก็มีอีกหลายปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบกับการเติบโต ไม่ว่าจะเป็นราคาอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นต้นทุนเดิมมีอยู่ในตลาดค่อนข้างน้อย ดังนั้นโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวใหม่ส่วนใหญ่ จะเป็นการคำนวณราคาจากต้นทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากปัจจัยจากภาวะเงินเฟ้อ ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวขึ้น และต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นทั้งจากค่าวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งราคาพลังงานซึ่งเป็นทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนในการขนส่ง อีกหนึ่งปัจจัยคือการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของภาครัฐ ซึ่งส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ซื้อบ้านต้องส่งค่างวดสูงขึ้นกว่าเดิม หรือใช้เวลาในการผ่อนชำระนานมากขึ้น สถาบันการเงินหรือธนาคารจะมีหลักเกณฑ์พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อเข้มงวดมากขึ้นอีกสำหรับลูกค้า วงเงินกู้ที่ผ่านการอนุมัติอาจได้รับลดลง แม้ว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ ของภาครัฐออกมาเป็นระยะ แต่อาจไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นการเติบโตของตลาดในภาพรวมได้
ส่วนเรื่องการดูแลลูกค้า เป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 “ชีวาทัย” ยังคงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขายจาก “ชีวาแคร์” อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำ และก้าวเป็นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการ (สำหรับกลุ่มบริษัทอสังหาฯ ช่วงรายได้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท) พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้ารักษาคุณภาพสินค้าให้ลูกค้าตรวจ Zero Defect ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการกับชีวาทัย ได้สิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่บริการก่อนการขายตลอดจนถึงบริการหลังการขาย พร้อมสิทธิพิเศษและบริการมากมายจากกิจกรรมของชีวาทัย โซไซตี้อีกด้วย” นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าว