CPANEL คาดอสังหาฯ ปี 65 เติบโต 10-15% เตรียมติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพิ่มกำลังการผลิตรับตลาดฟื้นตัว พร้อมอัดงบ 500 ล้านบาทผุดโรงงานแห่งที่ 2 คาดเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1 ปี 2567 รองรับกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 เท่าตัว
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) หรือ CPANEL กล่าวว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2545 โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยโรงงานผลิตตั้งอยู่บนพื้นที่ 38 ไร่ ในอ.บ้านบึง จ.ชลบุรี มีกำลังการผลิต 720,000 ตร.ม./ปี กลุ่มลูกค้าหลักคือบริษัทผู้พัฒนาอังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยในปี 2563 มีสัดส่วนรายได้จากบริษัทผู้พัฒนาอังหาริมทรัพย์ 98.11% และผู้รับเหมาก่อสร้าง 1.6% ส่วนในรอบ 9 เดือนของปี 2564 พบว่ามีสัดส่วนรายได้จากผู้รับเหมาก่อสร้างมากขึ้นเป็น 17.93% ขณะที่สัดส่วนรายได้บริษัทผู้พัฒนาอังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 80.69%
นายชาคริต เปิดเผยอีกว่า ผลประกอบการของบริษัทงวด 9 เดือนปี 2564 ที่ผ่านมา เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20.19 ล้านบาท มากกว่ากำไรทั้งปี 2563 อยู่ที่ 13.13 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2564 บริษัทมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง
“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 มองว่าจะสามารถเติบโตประมาณ 10-15% เนื่องจากผู้ประกอบการเร่งระบายสต็อกและขยายการเติบโตตามหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) นอกจากนี้คาดว่าเศรษฐกิจในประเทศจะทยอยฟื้นตัว กำลังซื้อผู้บริโภคกลับมาในหลายพื้นที่ ส่งผลให้โครงการบ้านยังเป็นที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มดังกล่าวคาดว่าการแข่งขันของผู้ประกอบการจะยิ่งสูงขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับกลยุทธ์ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน บริหารความเสี่ยง ลดเวลาการก่อสร้าง รวมถึงใช้วัสดุที่ทำให้การก่อสร้างเสร็จเร็วมากขึ้น ซึ่ง Precast Concrete จึงเป็นเทคโนโลยีก่อสร้างที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้” นายชาคริต กล่าว
นายชาคริต กล่าวอีกว่าปัจจุบัน บริษัทรับงานใหม่จากลูกค้ารายเดิม และลูกค้ารายใหม่ 7 โครงการ อาทิ Motif Townhouse, สัมมากร คู้บอน, พาโน เซน, Victoria, แสนสิริ K- series อ่อนนุช, TMT Land และ กานดา ลำลูกกา คลอง 2 มูลค่ารวมกว่า 199 ล้านบาท อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาลูกค้าประเภทแนวราบและแนวสูงอีกหลายราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้ ทั้งนี้ มั่นใจว่าการดำเนินงานในปี 2564 จะสามารถทำรายได้ตามเป้าที่ปรับใหม่ไม่ต่ำกว่า 35% และความสามารถการทำกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เพื่อรองรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัญญาณฟื้นตัวในปี 2565 บริษัทจึงเตรียมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ ซึ่ง CPANEL ถือเป็นเป็นรายแรกที่นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพระบบการผลิต สามารถผลิต Precast Concrete ได้รวดเร็วมากขึ้น และสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่ม 5-10% นอกจากนี้ยังคาดว่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนเดินหน้าลงทุนสร้างโรงงงานแห่งที่ 2 โดยอยู่บนที่ดินแปลงเดียวกับโรงงานแห่งแรก ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ด้วยระบบการผลิตแบบ Fully Automated ซึ่งจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตอย่างน้อย 720,000 ตร.ม./ปี โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างภายในไตรมาส 2 ปี 2565 แล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2566 และเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1 ปี 2567