ESTAR มองตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลังทรงตัว กางแผนสู้ศึกตลาดซบ ผุด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,500 ล้าน ปักหมุดทำเลทอง บ้านฉาง ระยอง พร้อมพลิกเกมลงชิงเค้กตลาดบ้านหรูย่านกาญจนาภิเษก-พุทธมณฑลสาย 1 กรุงเทพฯ พร้อมแตกไลน์ธุรกิจเพิ่มรายได้ประจำ พุ่งเป้า ปี 70 ทะยานสู่รายได้ 3,000 ล้าน

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 น่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว หรือเติบโตเล็กน้อย จากมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ของภาครัฐ ทั้งการผ่อนปรนมาตรการ LTV และการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองเหลือ 0.01% ไปจนถึง 30 มิถุนาย 2569 และอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 3% ประกอบกับราคาบ้านยังไม่ปรับตัวสูงขึ้น และเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะเติบโต 1.5-2.0% โดยในส่วนของคอนโดไฮไรส์ อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขณะที่คอนโดโลว์ไรส์มียอดขายดีขึ้น และคนที่เคยอยู่คอนโดหรูก็อาจจะหันมาซื้อบ้านหรู ราคา 20-30 ล้านบาทกันมากขึ้น เนื่องจากกรุงเทพฯ ยังเป็นแหล่งงานสำคัญ และยังมีความต้องการที่อยู่อาศัย

นายไพโรจน์ เปิดเผยอีกว่า สำหรับ ปี 2568 คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ ESTAR ที่ไม่ใช่แค่การดำเนินธุรกิจตามทิศทางตลาดทั่วไป แต่เป็นการ “สร้างเกมใหม่” ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนยิ่งกว่าเดิม ด้วยกลยุทธ์ Creating What’s Different (สร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่าง) โดยการปรับกลยุทธ์หันมาโฟกัสกลุ่มเป้าหมายศักยภาพสูง เจาะกลุ่ม High Net Worth และ Mid-High Segment ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เหนือระดับ จากก่อนหน้าที่บริษัทพัฒนาบ้าน 3- 5 ล้านบาทเป็นหลัก โดยปีนี้จะพัฒนาบ้านในระดับราคา 5-30 ล้านบาท พร้อมดำเนินงานตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง ไตรมาส 3 – 4 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีความคึกคักและพร้อมรับการลงทุน และปรับการทำงานให้เร็วขึ้น เช่นบ้านราคา 10 ล้านบาท จะใช้เวลาในการสร้างเพียง 8-10 เดือนเท่านั้น นอกจากนั้น ยังมีการยกระดับคุณภาพงานออกแบบ นำเสนอดีไซน์ระดับพรีเมียม เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง  และการให้ความสำคัญในการเลือกที่ตั้งโครงการที่เชื่อมต่อทำเลศักยภาพ ใกล้แหล่งงาน เดินทางสะดวก ใกล้แหล่งชิม ช็อป ใช้

นายไพโรจน์ เปิดเผยต่อไปอีกว่า ในปี 2568 ESTAR มีแผนเปิดตัว 4 โครงการใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และระยอง มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท

“ระยองได้เป็นเพียงแค่เมืองอุตสาหกรรม แต่เป็น “ทำเลแห่งอนาคต” ที่เพียบพร้อมด้วยคุณภาพชีวิต ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระยองเป็นจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงสุดของประเทศ โดยในปี 2567 รายได้เฉลี่ยต่อคนสูงถึงกว่า 1.03 ล้านบาท และ GPP รวมสูงถึง 1.08 ล้านบาท สิ่งนี้สะท้อนถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่งและเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ คาดการณ์ตลาดบ้านแนวราบในพื้นที่ EEC (เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) น่าจะยังขยายตัวไปได้ถึง 34% ของตลาดทั่วประเทศ แสดงให้เห็นถึงดีมานด์ที่แข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ซื้อระดับกลางถึงบน ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวเศรษฐกิจโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนาโครงการ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก บนพื้นที่กว่า 6,500 ไร่ ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2572 และรองรับผู้โดยสารได้ถึง 60 ล้านคนต่อปี พร้อมสร้างการจ้างงานมากกว่า 50,000 ตำแหน่ง ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะผลักดันความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ” นายไพโรจน์ กล่าว

สำหรับ 3 โครงการใหม่ที่ ESTAR เปิดตัวในระยองในปีนี้ ได้แก่ โครงการแกรนด์ เวลาน่า คราวน์ อู่ตะเภา–บ้านฉาง บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม จำนวน 84 ยูนิต ราคา 11 – 20 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท ซึ่งเปิดขายไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำยอดขายเฟสแรกไปแล้วกว่า 70%, แกรนด์ เธร่า พรีม่า บูรพาพัฒน์–สุขุมวิท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 38 ยูนิต ราคา 5 – 8 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท เตรียมเปิดขายในไตรมาส 3, โครงการเวลาน่า บูรพาพัฒน์ – สุขุมวิท บ้านเดี่ยวดีไซน์ French Villa จำนวน 84 ยูนิต ราคา 6 – 9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 4 ปี 2568 โดยทั้ง 3 โครงการตั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางอุตสาหกรรม สนามบิน และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

นอกเหนือจากระยอง ในปีนี้ ESTAR ยังเตรียมเปิดตัวโครงการเรือธงในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ได้แก่ โครงการ แกรนด์ เวลาน่า คราวน์ กาญจนาภิเษกฯ – พุทธมณฑล สาย 1 บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ จำนวน 58 ยูนิต ราคา 20 – 30 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาส 3 ปี 2568 เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของทำเล และเห็นช่องว่างทางการตลาดที่ซัพพลายบ้านหรูราคา 20 ล้านบาทในพื้นที่มีเหลืออยู่น้อย พร้อมชูกลยุทธ์ต่อสู้กับดีเวลล็อปเปอร์แบรนด์ใหญ่ที่พัฒนาโครงการบ้านหรูในย่านใกล้เคียงด้วยการให้สิ่งที่มากกว่า อาทิ พื้นที่ จำนวนห้องนอน ที่จอดรถ โดยจะเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต อายุ 45-60 ปี อาทิ แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลธนบุรี กลุ่มผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยคาดว่าจะสามารถปิดการขายโครงการเฟสแรก จำนวน 14 ยูนิต มูลค่ารวม 320 ล้านบาทได้ภายในสิ้นปีนี้  และสามารถปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในสองปีครึ่งหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

นายไพโรจน์ กล่าวต่อไปอีกว่า ESTAR ยังให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจในระยะยาว โดยมีแผนพัฒนาโครงการในบ้านฉาง ได้แก่ SEASTAR Serviced Apartment & Hotel ให้บริการบ้านเช่า 23 หลัง และห้องพัก 114 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่า 70% และยังมีแผนขยายเพิ่มอีก 27 หลังในเฟสถัดไป เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น, The Sphere Sport Club ปัจจุบันมี 2 สาขา รองรับสมาชิกองค์กรกว่า 50 บริษัท และสมาชิกใช้งานประจำกว่า 500 ราย โดย ESTAR ตั้งเป้ารายได้จากกลุ่มนี้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทในปีนี้ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ตลอด 5 ปีข้างหน้า, One Stop Living Service บริการครบวงจรที่ครอบคลุมการดูแลบ้าน รีโนเวต ซ่อมแซม ทำสวน และบริการแม่บ้าน

ทั้งนี้ ในปี 2568 ESTAR ตั้งเป้ารายได้ 2,037 ล้านบาท เติบโต 20% จากปี 2567 ที่มีรายได้ 1,800 ล้าน จากแรงส่งของยอดโอนกรรมสิทธิ์ในครึ่งปีแรก และยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ที่พร้อมส่งมอบกว่า 1,075 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 73% จาก Backlog ทั้งหมด 1,465 ล้านบาท และเป้ายอดขายในปีนี้ 1,998 ล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2567 พร้อมตั้งเป้าที่จะสร้างรายได้สู่ 3,000 ล้านบาท ในปี 2570