บมจ.เอเวอร์แลนด์  (EVER) กางแผนปี 64 ลุยตลาดแนวราบเต็มสูบ เตรียมเปิดทาวน์โฮมโครงการใหม่ แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” โครงการสุขสวัสดิ์ 30 – พุทธบูชา 4 และโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์  “มายโฮมซิลเวอร์เลค” ในโครงการซิลเวอร์เลค พาร์ค เฟส 2 เพิ่ม มูลค่ารวม 500 – 600 ล้านบาท ผลงานโตแกร่งสู้โควิดระบาด โชว์ไตรมาส 1 กวาดรายได้ 854 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46.74 ล้านบาท

นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) (EVER) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทยังให้ความสำคัญในการขยายโครงการแนวราบต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งถือเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจากกำลังซื้อที่แท้จริง เห็นได้จากยอดขายทาวน์โฮมแบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” และบ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในช่วงที่ผ่านมาที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

“แม้จะมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือ และออกมาตรการดูแลความปลอดภัยทั้งพนักงาน ผู้รับเหมา และลูกบ้าน เช่นเดียวกับปีก่อน อีกทั้งมีการใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ http://everland.co.th พื่อกระตุ้นยอดขาย”

สำหรับแผนเปิดขายโครงการแนวราบในปีนี้ ประกอบด้วย ทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ ซิตี้” โครงการสุขสวัสดิ์ 30 – พุทธบูชา 4 จำนวน 98 ยูนิต มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท และการเปิดขายบ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม ซิลเวอร์เลค” ในโครงการซิลเวอร์เลค พาร์ค เฟส 2 เพิ่มอีกจำนวน 27 ยูนิต มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท จากที่เปิดขายไปในปีก่อน 40 ยูนิต จากทั้งหมด 67 ยูนิต ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5-9 ล้านบาท

“เชื่อว่าในปี 2564 โครงการแนวราบยังเติบโตได้ดี เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่แท้จริง โดยโครงการที่อยู่อาศัยของเราเน้นความคุ้มค่า ขนาดของโครงการไม่ใหญ่มาก เพื่อให้ปิดการขายได้เร็วขึ้น รวมถึงการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการแนวสูง หรือแนวราบ โดยคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา จากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีกว่า 3,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ถึงปี 2565” นายสวิจักร์ กล่าวในที่สุด

ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564) บริษัทมีรายได้รวม 854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 410 ล้านบาท หรือ 92% เทียบปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 444 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 46.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.87 ล้านบาท หรือ 135% เทียบปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 19.87 ล้านบาท