ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานไตรมาส 2 ปี 68 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ราคาบ้านจัดสรรใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ผู้ประกอบการเน้นจัดโปรฯ มากกว่าลดราคาเพื่อเร่งระบายสต๊อก ส่วนคอนโดราคาปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า จากเหตุแผ่นดินไหว ผู้ประกอบการแห่ให้ส่วนลด สูงถึง 37.5% เร่งกระตุ้นยอดขาย
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยว่า ดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 มีค่าดัชนีเท่ากับ 141.0 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สะท้อนให้เห็นว่าราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับหมวดงานออกแบบก่อสร้างและงานระบบ หมวดที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ หมวดงานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 รองลงมา คือ หมวดงานสถาปัตยกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 ในขณะที่หมวดงานระบบสุขาภิบาล ลดลงร้อยละ -0.2 และหมวดงานวิศวกรรมโครงสร้าง ลดลงร้อยละ -1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่หมวดราคาวัสดุก่อสร้าง พบว่ากระเบื้องเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 13.9 รองลงมาคือ หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 หมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 และหมวดไม้และผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยการเพิ่มขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างในหมวดต่างๆ เป็นผลมาจากความต้องการใช้ในการก่อสร้างโครงการก่อสร้างของภาครัฐ และการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ส่วนหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กปรับลดลงมากที่สุด ร้อยละ -9.1 เป็นผลมาจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนที่ยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้มีอุปทานเหล็กส่วนเกินจากจีนกดดันราคาเหล็กในตลาดโลกและตลาดในประเทศไทยลดลง และหมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ลดลงร้อยละ -0.3 ด้านหมวดแรงงาน พบว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากการประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 372 บาทต่อวัน จาก 363 บาทต่อวัน ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568
ด้านราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ในพื้นที่กรุงเทพ ฯ – ปริมณฑล ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ให้ข้อมูลว่า มีค่าดัชนีเท่ากับ 132.4 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งมีค่าดัชนีอยู่ที่ 131.6 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 จากไตรมาสก่อน (QoQ) สะท้อนถึงแนวโน้มราคาบ้านจัดสรรที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง เพราะจำนวนหน่วยเหลือขายในตลาดยังคงเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการจึงเร่งระบายสินค้า โดยมีการปรับราคาขึ้นเพียงเล็กน้อย เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว ขณะที่ส่วนใหญ่เลือกใช้กลยุทธ์มอบของสมนาคุณและโปรโมชันพิเศษ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อ แทนการปรับลดราคาขายโดยตรง
ขณะที่ทำเลของดัชนีราคาบ้านเดี่ยวในกรุงเทพ ฯ มีการปรับราคาขึ้นมากที่สุด ในตลิ่งชัน-บางแค-ภาษีเจริญ-หนองแขม-ทวีวัฒนา ในระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป และพื้นที่ 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) มีการปรับราคาขึ้นมากที่สุด ในเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด ในระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่วนของดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ในกรุงเทพฯ มีการปรับลดราคามากที่สุด ในบางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่ ในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท และพื้นที่ 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) มีการปรับลดราคามากที่สุด ในบางกรวย–บางใหญ่–บางบัวทอง–ไทรน้อย ในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากเป็นการปรับลดราคาจากโครงการจัดสรรที่ยังใช้ต้นทุนเดิม ประกอบกับความต้องการกระตุ้นตลาดและเร่งการระบายสต๊อกที่อยู่อาศัย
ส่วนราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ให้ข้อมูลว่า มีค่าดัชนีเท่ากับ 159.1 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาห้องชุดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนก่อสร้าง ทั้งราคาวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้น ปูนซีเมนต์ กระจกอลูมิเนียม และค่าแรงงานที่ทยอยเพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพ รวมถึงราคาที่ดินในทำเลศักยภาพ ซึ่งยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน ศูนย์กลางธุรกิจ และพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ซึ่งล้วนเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) พบว่าราคาห้องชุดปรับตัวลดลงร้อยละ -0.8 การปรับลดราคานี้อาจเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่28 มีนาคม 2568 ในบางพื้นที่ ซึ่งสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของอาคารสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นและเร่งการตัดสินใจซื้อ ผู้ประกอบการจึงเพิ่มมาตรการส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะการให้ส่วนลดเงินสด ที่มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 37.5 เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากร้อยละ 15.4 ในไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีการจัดแถมประกันภัยอาคารให้กับผู้ซื้อในสัดส่วนร้อยละ 3.4 ของโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย ซึ่งคาดว่า การปรับลดราคาเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวในระยะสั้น ก่อนที่ตลาดจะปรับตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ