RML ลุยเปิดตัว ‘OCC’ อาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทย เต็มรูปแบบ ดึงแบรนด์ F&B และไลฟ์สไตล์ชั้นนำร่วมสร้างประสบการณ์การทำงานและการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่มากกว่าเดิมในฐานะ Lifestyle Destination แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML กล่าวว่า “ สำหรับปี’67 RML ยังคงเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการยืนหยัดในการเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดอสังหาฯ ลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ของไทย ที่พัฒนาโครงการในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครเหมือน และเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในเอเชีย โดยหนึ่งในโครงการไฮไลต์ของปีนี้คือ ‘OCC (One City Centre)’ อาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ ที่สูงที่สุดในไทย ที่มีสกายวอล์กเชื่อมกับ BTS เพลินจิต โปรเจกต์ยักษ์ที่ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของญี่ปุ่น มูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท ซึ่งเราจะเปิดอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและบริษัทชื่อดังในไทย แล้วประมาณ 55% ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานเกินกว่า 70% ในขณะที่มีอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจากร้านค้าพรีเมียมแล้วเกือบเต็ม อยู่ที่ประมาณ 90% เหลือเพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจะเต็ม 100% ในปี 2567 นี้แน่นอน” นายกรณ์ กล่าวเสริม

สำหรับบริษัทที่เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่สำนักงาน ‘OCC’ ล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่รู้จักในไทยจากหลากหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ, โค-เวิร์คกิ้งสเปซ ตลอดจนธุรกิจการเงิน และธุรกิจบริการ ซึ่งบริษัทที่สามารถเปิดเผยชื่อได้แล้ว เช่น เดอะ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย) (The Boston Consulting Group (Thailand)), แปซิฟิค ไพร์ม คอนซัลแตนท์ (Pacific Prime Consultants), คอนสเตลเลชัน นอร์ด (Constellation Nord), ดีแอลเอ ไปเปอร์ (DLA Piper), ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ (BNP Paribas), 10 บริดจ์ (10 Bridge), เวลาร์ คอร์ปอเรชั่น (Waylar Corporation), บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด (Mitsubishi Estate (Thailand) Co., Ltd.), บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี้ (ประเทศไทย) จำกัด (Mitsubishi Heavy Industries (Thailand) Ltd.),  บริษัท มิตซูบิชิ พาวเวอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Mitsubishi Power (Thailand) Ltd.), บริษัท มารูเบนิ ประเทศไทย จำกัด (Marubeni Thailand Co., Ltd.), ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) CBRE (Thailand), อมาเดอุส เอเชีย (Amadeus Asia), คอร์ติน่า วอทช์ (Cortina Watch), บริษัท โคคูโย อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (KOKUYO International (Thailand) Co., Ltd.), บริษัท นิฮอน เอ็ม แอนด์ เอ เซ็นเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Nihon M&A Center (Thailand) Co., Ltd.), รวมถึง จัสโค (JustCo) ผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นชั้นนำของเอเชีย ตั้งอยู่บนชั้น 37 ถึง 40 ของอาคาร OCC โดย JustCo ได้เปิดให้บริการตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา โดยมีแผนต่อขยายพื้นที่ในอาคารภายในปี 2567

‘OCC’ เป็นมากกว่าที่ทำงาน แต่มีพื้นที่สำหรับแฮงเอ้าท์ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ชื่อดัง ให้ชาวเพลินจิตได้พักผ่อนหย่อนใจ โดยปัจจุบันมีร้านค้าเปิดให้บริการเกือบเต็มพื้นที่แล้ว และพร้อมเปิดให้บริการในปี 2567 ร้านใหม่ล่าสุดที่เปิดให้บริการ ได้แก่ ร้านกรีน แอนด์ บีน (Green & Been) ซึ่งเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย โดยเป็นร้านคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟสุดพิเศษและวัตถุดิบชาเขียวพรีเมียม นำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการร่วมสร้างสรรค์โดยผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มชื่อดังก้องโลกคือ ‘เชฟกากั้น อนันต์ (Gaggan Anand)’ เจ้าของห้องอาหารระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาว ที่ครองตำแหน่งอันดับ 1 ของ Asia’s 50 Best Restaurants ถึงสี่ปีซ้อน ร่วมกับ ‘เชฟแฝดชาวเยอรมันโธมัสและแมทธิอัส ซูห์ริง (Thomas & Mathias Sühring)’ ที่โด่งดังจากร้านอาหารเยอรมันที่เคยได้รับดาวมิชลิน และ ‘อนุพงศ์ คุตติกุล (Anupong Kuttikul)’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Carnival มัลติแบรนด์ช็อปและแบรนด์เสื้อผ้าสตรีทแวร์สัญชาติไทย, ร้านเอนิชิ (ENISHI) ราเมนที่คนญี่ปุ่นแนะนำ การันตีด้วย มิชลิน บิบ กูร์มองด์ ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย ที่ OCC ในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้,  ร้านซูชิ ชิมะโมโตะ (Sushi Shimamoto) ร้านโอมากาเสะชื่อดัง ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย ให้บริการในไตรมาส 2 นี้ อีกทั้งยังมีร้านต่างๆ มากมายที่เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คือ  ดีน แอนด์ เดลูก้า  (DEAN & DELUCA) ร้านกาแฟดังที่ถือกำเนิดมากจากอเมริกา, โอ บอง แปง (Au Bon Pain) ร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่ ชื่อดังจากอเมริกา, %อาราบิก้า (%Arabica) คาเฟ่ที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น, กาซาน่า (Ksana) คาเฟ่ชาเขียวมัทฉะเข้มข้นชื่อดังจากญี่ปุ่น, แบลคโบบา สเปเชียลตี้ (BLK.BOBA Specialty) ร้านชานมไข่มุกออร์แกนิคชื่อดัง, และลอว์สัน (Lawson) ร้านสะดวกซื้อชื่อดังจากญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมี กินนี่ฟู้ด (Kinnie Food) ฟู้ดคอร์ทในราคาที่จับต้องได้ รองรับพนักงานออฟฟิศย่านเพลินจิต รวมถึงผู้คนทั่วไป ซึ่งมีผู้ใช้บริการจำนวนมากในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญบนชั้น 61 และ 58 บาร์และห้องอาหารหรู ซึ่งจะเปิดให้บริการไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ โดยพัฒนาจากบริษัท อัคร ฮอสพิแทลลิตี้ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอาหารและความบันเทิงอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ผู้สร้างชื่อเสียงวงการอาหารและเครื่องดื่มไทยมากมายอีกด้วย โดยมั่นใจว่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางใหม่ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแน่นอน