RT เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2567 รายได้รวม 977 ล้านบาท โต 56% กำไรสุทธิ 44 ล้านบาท ทิศทางไตรมาส 2/67 เติบโตต่อเนื่อง เดินหน้ารับรู้รายได้งานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ โชว์ Backlog 7,902 ล้านบาท เตรียมแผนเข้าประมูลงานภาครัฐเอกชน หลังภาครัฐอนุมัติงบประมาณก่อสร้าง มุ่งเน้นบริหารต้นทุน เสริมแกร่งความสามารถทำกำไรในระดับดี

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธา งานขุดเจาะอุโมงค์ และ ธรณีเทคนิคครบวงจร เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้รวม 977 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 627 ล้านบาท จำนวน 350 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56% และ มีกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 38 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นทั้งรายได้และกำไร เนื่องมาจากการส่งมอบงานโครงการก่อสร้างในมือได้ตามแผน ส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการจัดการต้นทุนก่อสร้างที่ดีขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถควบคุมต้นทุนพลังงานในโครงการก่อสร้าง อีกทั้งการปรับกลยุทธ์การสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างให้เพียงพอต่อความต้องการใช้งานในแต่ละพื้นที่โครงการ  

“จากการวางแผนและปรับปรุงขั้นตอนการทำงานที่ผ่านมา ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นที่ระดับ 16.4% และอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 4.5% ซึ่งในช่วงต่อจากนี้บริษัทจะพยายามพัฒนาประสิทธิภาพและควบคุมการทำงาน เพื่อให้ผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง” นายชวลิต กล่าว

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจช่วงไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง จากการพัฒนาประสิทธิภาพโดยการใช้เทคโนโลยีและบริหารงานโครงการก่อสร้างอย่างรวดเร็ว เพื่อสามารถส่งมอบงานได้ตามแผน โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน 7,902 ล้านบาท พร้อมรับรู้รายได้ถึงปี 2570

ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างคาดว่าจะเห็นการขยายตัวในครึ่งปีหลัง จากความชัดเจนของภาครัฐในการอนุมัติงบประมาณปี 2567 ส่งผลให้บริษัทสามารถวางแผนการเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างการเติบโตของมูลค่างานในมือ โดยมุ่งเน้นการเข้ารับงานโครงการที่สร้างรายได้ และสะท้อนราคาต้นทุนก่อสร้างที่เป็นปัจจุบัน อีกทั้งบริษัทยังคงวางแผนการจัดซื้อและติดตามสถานการณ์ที่อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนในงานก่อสร้าง เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดี