บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SC) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่อายุ ปี ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ (PP-II/HNW) โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ กรกฎาคม และวันที่ 4-5 กรกฎาคม 2565 นี้ มีอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ คงที่” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้หรือ Investment Grade มั่นใจได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทที่มีอัตราการเติบโตที่สม่ำเสมอ และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าพอใจ

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร เปิดเผยว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้อายุ ปี ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ หรือที่เรียกว่า PP-II&HNW อัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้จะประกาศให้ทราบอีกครั้งภายในเดือนมิถุนายน โดยในครั้งนี้บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้ในการประกอบธุรกิจและขยายกิจการของบริษัทฯ ต่อไป

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “การออกหุ้นกู้ของ SC ครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเป็นหลัก เนื่องจากการออกหุ้นกู้หลายครั้งที่ผ่านมาบริษัทออกหุ้นกู้จำหน่ายให้กับผู้ลงทุนสถาบันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีนักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลหลายรายพลาดโอกาสในการลงทุนไป ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะให้ผู้ลงทุนรายใหญ่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการเติบโตของบริษัท ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าหุ้นกู้ของ SC ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจของ SC มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยในปี 2564 บริษัทสามารถทำสถิติสูงสุดทั้งในส่วนของรายได้ ยอดขาย และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้กว่า 19,553 ล้านบาท มียอดขายกว่า 21,804 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิกว่า 2,062 ล้านบาท นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของบริษัท ยังสะท้อนผ่านอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB+ จาก ทริสเรทติ้ง แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับบน ที่มีระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป

ในส่วนของแผนธุรกิจในปี 2565 นั้น บริษัทตั้งเป้ายอดขายและเป้ารายได้ที่ 22,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวนสูงเป็นสถิติใหม่ถึง 27 โครงการ มูลค่าประมาณ 41,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 25 โครงการ มูลค่าประมาณ 34,700ล้านบาท ซึ่งมากกว่า 70% เป็นบ้านเดี่ยวราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่ง SC เป็นผู้นำในตลาดนี้อยู่แล้ว และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท บนทำเลรถไฟฟ้า BTS 2 สถานี คือวงเวียนใหญ่และทองหล่อ ซึ่งทั้งหมดมีที่ดินรองรับหมดแล้ว โดยบริษัทตั้งเป้าเป็น บ้านเดี่ยวอันดับ ในใจของทุกคน

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส ปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมียอด ขายจำนวน 5,285 ล้านบาท มีรายได้จากการขาย 3,609 ล้านบาท มีรายได้รวม 3,854 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 388 ล้านบาท โดยมีการเปิดโครงการใหม่จำนวน โครงการ มูลค่าประมาณ 1,515 ล้านบาท คือโครงการเพฟ เพชรเกษมสาย และ โครงการ วี คอมพาวด์ บางนาศรีนครินทร์ และสามารถปิดการขายไปได้ 10 โครงการ

ไตรมาส ปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดโครงการทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่าประมาณ 17,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ โครงการและคอนโด โครงการ ณ 31 พ.ค. 65 เปิดขายตามแผนแล้ว 5 โครงการ สร้างยอดขายรวมกว่า 1,200 ล้านบาท และ จะเปิดขายในเดือนมิถุนายน อีก 5 โครงการ บริษัทมียอดขายสะสม 5เดือนรวม กว่า 9,300 ล้านบาท

สำหรับผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้:

  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านhttps://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 0-28888888 กด 819
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application – CIMB Thai Digital Banking ได้อีก ช่องทาง) โทร. 0-26267777
  • ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 1428 กด#4