บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2566 จำนวน ชุด อายุ ปี และอายุ ปี อัตราดอกเบี้ย 3.68-4.00% ต่อปี ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ และขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกรายที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นกู้เกินกว่าเป้าที่คาดหมายแม้อยู่ในช่วงท่ามกลางความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย เผยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้คืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจและขยายกิจการของบริษัทต่อไป

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปิดการเสนอขายหุ้นกู้จำนวน รุ่นอายุหุ้นกู้ ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.68% ต่อปี และอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00% ต่อปี จำนวนรวมไม่เกิน 2,200 ล้านบาท โดยอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด อยู่ที่ระดับ BBB+ แนวโน้ม คงที่เสนอขายหุ้นกู้ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ และเปิดจองซื้อระหว่าง 23 – 25  มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เป็นอย่างดี ทำให้สามารถจำหน่ายได้ครบมูลค่าที่ตั้งเป้า บริษัทฯขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯด้วยดีเสมอมา และสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต ที่มีส่วนสำคัญให้การเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยทางบริษัทฯวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและเป็นเงินทุนในการดำเนินธุรกิจ เช่น ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการตามแผนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ ในใจของผู้ซื้อบ้านทุกคน

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “การออกหุ้นกู้ของ SC ครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ผู้ลงทุนรายใหญ่ที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลมากขึ้น เนื่องจากการออกหุ้นกู้หลายครั้งที่ผ่านมา บริษัทฯออกหุ้นกู้จำหน่ายให้กับผู้ลงทุนสถาบันเป็นส่วนใหญ่ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะให้ผู้ลงทุนรายใหญ่ได้เข้ามามีส่วนร่วมไปกับการเติบโตของบริษัทฯ ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจของ SC มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย โดยในช่วง 9 เดือนของปี 2565 บริษัทฯ สามารถทำสถิติสูงสุดทั้งในส่วนของรายได้ และกำไรสุทธิ โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 14,275 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 โดยในปี 2565 บริษัทฯมีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงสุดถึง 27 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 45,300 ล้านบาท และ ทำยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวมปี 2565 ได้เกินเป้าหมาย และ สร้างสถิติใหม่ทำยอดขายสูงสุด 24,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 12% จากปี 2564

ในส่วนของธุรกิจใหม่ที่บริษัทเริ่มดำเนินการ คือ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจคลังสินค้าให้เช่านั้น โดยธุรกิจโรงแรม บริษัทมีแผนเปิดโรงแรมแรกชื่อ “Yahn Ratchawat” โรงแรมระดับ Mid Scale ในไตรมาสแรกของปีนี้ และอยู่ระหว่างการพัฒนาโรงแรมอีก แห่งที่สุขุมวิท และพัทยา ในส่วนของธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า ตามที่ มีการเซ็น MOU เป็นผู้จัดพื้นที่คลังสินค้าให้กับ Flash Express พื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร จะเปิดคลังสินค้าแห่งแรกในไตรมาสแรกของปี 2567 ขนาด 16,000 ตารางเมตร ที่จังหวัดนครสวรรค์ บริษัทฯ เชื่อว่าทั้งสองธุรกิจใหม่นี้จะสามารถสร้างรายได้และกำไรจากค่าเช่าและบริการที่สม่ำเสมออย่างต่อเนื่องให้แก่บริษัทฯ ได้ นอกเหนือจากธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เป็นธุรกิจหลักซึ่งในปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและคอนโดสูงถึง 24 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 37,500 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯคาดว่าปี 2566 นี้ จะสามารถทำยอดขายและรายได้เติบโตสร้างสถิติใหม่อีกครั้งในทุกด้าน