บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย โดย มร.คาร์ลอส มาร์ติเนซ ผู้อำนวยการฝ่ายประเมินและที่ปรึกษา เผยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ซึ่งพุ่งสูงถึง 11.4 ล้านคน นับตั้งแต่เปิดประเทศเต็มรูปแบบ เพิ่มขึ้น 432% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะระดับ 66% ของช่วงก่อนโควิด การฟื้นตัวที่น่าทึ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและเสน่ห์ที่ยั่งยืนของกรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดและโดดเด่นระดับโลก

นอกจากนี้นักท่องเที่ยวในประเทศยังมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวในประเทศกว่า 7.4 ล้านคน หลั่งไหลเข้ามาในกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ แตะระดับ 81% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาด และมีเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 37% เมื่อเทียบปีต่อปี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและต่างประเทศจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมากกว่า 25 ล้านคน และอาจแตะ 30 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ คิดเป็น 59-70% ของช่วงก่อนโควิด การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 2.38 ล้านล้านบาท

นักท่องเที่ยวจากเอเชียถือเป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวหลัก คิดเป็น 68% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียมากที่สุด คิดเป็น 16% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ตามด้วยนักท่องเที่ยวจีน 11% อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์ว่าจีนจะกลับมาครองตำแหน่งแชมป์ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่ากำลังจะเข้ามาอีกประมาณ 5 ล้านคนในช่วงครึ่งปีหลังนี้

ยุโรปเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักอันดับสอง คิดเป็น 25% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด นำโดยนักท่องเที่ยวรัสเซีย คิดเป็น 7% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร 3% เยอรมัน 3% และฝรั่งเศส 2%

>>>อุปทานและอุปสงค์

อัตราการเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในช่วงปลายปี 2565 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจที่ 76% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ซึ่งเติบโดอย่างมีนัยสำคัญถึง 41% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในช่วงครึ่งปีแรกอัตราการเข้าพักโรงแรมในกรุงเทพฯ ค่อนข้างคงที่ที่ 74%-80% แม้แต่ในช่วงโลว์ซีซั่นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 อัตราการเข้าพักก็ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แนวโน้มที่ดีนี้ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมมีความคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้ราคาเฉลี่ยที่พักรายวัน (ADR) สูงขึ้นมาก แตะระดับ 4,028 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยที่พักรายวันก่อนการระบาดของโควิด-19

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีโรงแรม 5 แห่งเปิดตัวในกรุงเทพฯ เพิ่มอุปทานเข้ามาในตลาดอีก 1,310 ห้อง โดยเป็นโรงแรมระดับอัพสเกลและมิดสเกล ได้แก่ ดุสิต ดีทู สามย่าน (179 ห้อง), อีสติน แกรนด์ พญาไท (494 ห้อง), อาศัย กรุงเทพ สาทร (106 ห้อง), สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท (411 ห้อง) และเบสท์ เวสเทิร์น รัชดา (120 ห้อง) ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีโรงแรมเปิดใหม่อีก 7 แห่ง ทำให้อุปทานในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นอีก 1,667 ห้อง

>>>แนวโน้ม

หลังจากผ่านช่วงเวลาล็อกดาวน์ที่ยืดเยื้อกอปรกับความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะออกเดินทาง การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกมีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น โดยได้รับแรงหนุนหลักจากความต้องการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงเผชิญกับความท้าทายบางประการ เช่น โรงแรมที่ต้องต่อสู้กับตลาดแรงงานที่ตึงตัว และข้อจำกัดในการขนส่งทางอากาศทำให้ต้นทุนการบินสูงขึ้น ซึ่งทำให้การฟื้นตัวชะลอตัวลง จากข้อมูลของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) การเดินทางทางอากาศทั่วโลกคาดว่าจะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดภายในปี 2567 ยกเว้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่อาจจะฟื้นตัวช้ากว่าภูมิภาคอื่น ภายในปี 2568

เราคาดว่าการท่องเที่ยวจะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี 2566 เนื่องจากความต้องการโรงแรมในกรุงเทพฯยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวจีน และการเพิ่มเที่ยวบินจากประเทศจีน แต่ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนโรคระบาดถึง 66%

เราคาดว่าอัตราการเข้าพักจะเข้าใกล้ระดับก่อนเกิดโรคระบาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไฮซีซั่นภายในสิ้นปีนี้ แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้าง อาทิเช่น อัตราเงินเฟ้อ แต่ผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมก็ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจาก ADR แซงหน้าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจากค่าจ้าง ต้นทุนขายและค่าสาธารณูปโภค การระบาดใหญ่ครั้งนี้ได้สอนบทเรียนอันมีค่าแก่ผู้ประกอบการโรงแรม ซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัว ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา การเติบโตเฉลี่ยต่อปีของ ADR ค่อนข้างต่ำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการปรับตัวล่าสุดนี้ยังไม่ทันการณ์ นอกจากนี้ ด้วยระดับต้นทุนที่สูงอย่างต่อเนื่อง เราคาดว่าค่า ADR ของตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ จะยังคงที่ ทำให้มั่นใจได้ว่ายังสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ปลายปี 2565 เป็นต้นมา การเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยโรงแรมระดับลักซูรี่ได้รับประโยชน์เป็นหลัก เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง เราคาดว่าจะมีการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ MICE และการเดินทางเพื่อธุรกิจเป็นอย่างมาก แม้ว่ากลุ่มทัวร์จะฟื้นตัวอย่างช้าๆ ก็คาดว่าจะส่งผลดีกับโรงแรมในกลุ่มราคาประหยัด