ผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศด้านที่อยู่อาศัยจากทั่วภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิกและจากภูมิภาคอื่นๆ ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับความจำเป็นอันเร่งด่วนสำหรับที่อยู่อาศัยเพื่อให้ครอบคลุมสำหรับทุกคน และพร้อมรับมือต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
การประชุมบ้านและที่อยู่อาศัยประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Housing Forum) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2564 จะเน้นย้ำถึงความจำเป็นอันเร่งด่วนในการสร้างที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืน ครอบคลุมสำหรับทุกคน และมีต้นทุนที่เหมาะสมในภูมิภาคเพื่อตอบสนองผู้คนนับหลายล้านคนที่ต้องอาศัยอยู่อย่างยากจนแร้นแค้นโดยมีระดับรายได้ที่ต่ำกว่า 1.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน และเป็นภูมิภาคที่ชุมชนต่างๆ ยังคงดิ้นรนต่อสู้กับผลกระทบด้านสุขภาพและเศรษฐกิจอันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
แม้กระทั่งก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 นั้น มีประชาชนจำนวน 1.6 พันล้านคนที่ต้องการที่พักอาศัยอย่างพอเพียง วิกฤตการณ์ด้านสุขภาพระดับโลกครั้งนี้ส่งผลถึงการให้ความสำคัญกับการมีบ้านให้อาศัยอยู่ได้อย่างปลอดภัย ตลอดจนมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประชากรกลุ่มเปราะบางหรือด้อยโอกาสที่ไม่สามารถรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้ท่ามกลางโรคระบาดครั้งใหญ่นี้ ประชากรกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง (Economic Shock) ภัยคุกคามจากภัยธรรมชาติ ไปจนถึงภัยที่เกิดจากมนุษย์ และผลกระทบด้านลบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
“การประชุมบ้านและที่อยู่อาศัยประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 8 ภายใต้หัวข้อ “Building forward better for inclusive housing” เป็นการประชุมที่แสดงให้เห็นว่า เราแต่ละคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่ด้อยโอกาสที่สุดที่เราให้การช่วยเหลือผ่านการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยนั้น มีสิทธิและมีเสียงในกระบวนการและมีบทบาทที่เป็นการส่งเสริมให้เขาเหล่านั้นได้เข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีความเหมาะสม” ลูอิส โนดะ รองประธาน องค์การที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก กล่าว “เราต้องให้ความสำคัญกับการร่วมกันลงมือปฏิบัติสนับสนุนช่วยเหลือบนพื้นฐานความจำเป็นของผู้คน เพื่อที่จะได้สร้างแนวทางที่ทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัย และยืดหยุ่นมั่นคงมากขึ้นอย่างแท้จริง”
การประชุมนี้จะเป็นการประชุมในรูปแบบออนไลน์ โดยมีผู้เข้าร่วมได้แก่ ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่างๆ จากทั่วทั้งระบบนิเวศที่อยู่อาศัย ตลอดจนเป็นเวทีสำหรับแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์ เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมไปถึงโซลูชัน และการแก้ปัญหาต่าง ๆ
แนวทางในการประชุมมี 4 แนวทาง ประกอบไปด้วย 1) สร้างเมืองและชุมชนที่ยืดหยุ่นและมั่นคง 2) โซลูชันและเทคโนโลยีที่อยู่อาศัยที่เป็นนวัตกรรมใหม่ 3) ความยั่งยืนขั้นสูงในภาคที่อยู่อาศัย และ 4) การจัดการเงินทุนด้านที่อยู่อาศัยที่มีต้นทุนที่เหมาะสม นอกจากนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นประเด็นที่ต้องพูดถึงควบคู่ไปกับแนวทางเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
แนวทางด้านเมืองและชุมชนที่ยืดหยุ่นและมั่นคงจะเป็นการกล่าวถึงวิธีที่รัฐบาลประเทศต่างๆ และผู้ที่เกี่ยวข้องจากหลากหลายภาคส่วนสามารถทำงานร่วมกันได้เพื่ออนาคตเมืองที่ยั่งยืน แนวทางด้านโซลูชันและเทคโนโลยีที่อยู่อาศัยที่เป็นนวัตกรรมใหม่จะเป็นการค้นหาวิธีการต่างๆ ที่เราสามารถบรรลุถึงที่อยู่อาศัยที่มีต้นทุนที่เหมาะสมได้ผ่านทางนวัตกรรมและเทคโนโลยี
แนวทางด้านความยั่งยืนในภาคที่อยู่อาศัยจะพิจารณาถึงวิธีการต่างๆ ในการพัฒนาและประสานมิติในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจของที่อยู่อาศัยเพื่อให้มั่นใจว่าเมืองและชุมชนมีความเสมอภาคกัน แนวทางสุดท้าย ได้แก่ การจัดการเงินทุนด้านที่อยู่อาศัยที่มีต้นทุนที่เหมาะสม จะเป็นการมุ่งเน้นไปที่เครื่องมือด้านการเงินของผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่แตกต่างกันทั้งในภาครัฐและเอกชนที่สามารถให้ทุนที่อยู่อาศัยที่มีต้นทุนที่เหมาะสม
เมื่อเร็ว ๆ นี้ องค์การที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติสากล (Habitat for Humanity) ได้เผยแพร่รายงานเรื่อง “A Ladder Up: The construction sector’s role in creating jobs and rebuilding emerging market economies” ซึ่งจัดทำขึ้นโดยนักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในรายงานระบุว่าทุกๆ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในผลผลิตที่มาจากการก่อสร้างจะช่วยสร้างงานได้เฉลี่ย 97 ตำแหน่งทั่วประเทศ (ประเทศที่ร่วมอยู่ในการวิจัย) ซึ่งในฟิลิปปินส์มีการสร้างงาน 165 ตำแหน่งต่อ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในอินเดียมี 182 ตำแหน่งต่อ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สิ่งค้นพบเหล่านี้บ่งบอกถึงความสำคัญต่อประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางที่ต้องตัดสินใจว่าพื้นที่ใดต้องให้ความสำคัญก่อน–หลัง เนื่องจากประเทศเหล่านั้นต้องทำงานเพื่อสร้างเศรษฐกิจขึ้นใหม่จากการที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ให้ฟื้นฟูกลับคืนมา
ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนในการก่อสร้างที่พักอาศัยเรียกได้ว่าเป็นโอกาสแห่งชัยชนะ เนื่องจากเกิดการสร้างงานในท้องถิ่นเป็นจำนวนมหาศาล จากปี 2561-2562 อัตราความยากจนในประเทศไทยลดลงเหลือ 6.2% ตามข้อมูลของธนาคารโลก (World Bank) อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 อัตราความยากจนกลับเพิ่มสูงขึ้นเป็น 8.8% อันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19
การประชุมบ้านและที่อยู่อาศัยประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก จัดขึ้นโดยองค์การที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ในความร่วมมือกับโครงการส่งเสริมการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน SWITCH-Asia (SWITCH-Asia Sustainable Consumption and Production Facility) ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (European Union: EU)