ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำบทวิเคราะห์ เรื่อง “ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 3 ปี 2568 ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 131.3 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งมีค่าดัชนีอยู่ที่ 130.7 แต่ลดลงร้อยละ -0.8 จากไตรมาสก่อน (QoQ) สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มราคาบ้านจัดสรรที่ยังคงอยู่ในทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้อัตราการเพิ่มจะชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากภาวะตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งมีจำนวนหน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ลดราคาขายและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในช่วงที่ตลาดแข่งขันสูง

ขณะที่ทำเลของดัชนีราคาบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ มีการปรับราคาขึ้นมากที่สุด ในมีนบุรี-หนองจอก-คลองสามวา-ลาดกระบัง ในระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป และพื้นที่ 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) มีการปรับราคาขึ้นมากที่สุด ในเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด ในระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่วนของดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ในกรุงเทพฯ มีการปรับลดราคามากที่สุด

ในบางเขน-สายไหม-ดอนเมือง-หลักสี่ ในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท และพื้นที่ 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ) มีการปรับลดราคามากที่สุด ในบางกรวย–บางใหญ่–บางบัวทอง–ไทรน้อย ในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากเป็นการปรับลดราคาจากโครงการจัดสรรที่ยังใช้ต้นทุนเดิม ประกอบกับความต้องการกระตุ้นตลาดและเร่งการระบายสต๊อกที่อยู่อาศัย

สำหรับรายการส่งเสริมการขายบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้ พบว่าส่วนใหญ่เป็นการให้ของสมนาคุณ เช่น ฟรีเครื่องปรับอากาศ ปั๊มน้ำ แท็งก์น้ำ ค่าส่วนกลาง มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า ร้อยละ 37.9 ลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีสัดส่วนร้อยละ 38.2 สำหรับการให้ส่วนลดฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ ร้อยละ 35.2 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีสัดส่วนร้อยละ 31.6 และเป็นการให้ส่วนลดเงินสดร้อยละ 26.8 ลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีสัดส่วนร้อยละ 30.3

นอกจากนั้น REIC ยังได้จัดทำบทวิเคราะห์ เรื่องดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาส 3 ปี 2568 ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล” ซึ่งพบว่ามีค่าดัชนีเท่ากับ 158.3 จุด ลดลงร้อยละ -0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และลดลงร้อยละ -0.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) สะท้อนให้เห็นราคาห้องชุดมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2568 การปรับลดราคาดังกล่าวเป็นผลจากอุปทานห้องชุดเหลือขายมีจำนวนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ยอดขายชะลอตัวลง ทำให้ผู้ประกอบการต้องทำการตลาด ระบายสต็อก ซึ่งในไตรมาสนี้ การให้ของสมนาคุณสูงถึงร้อยละ 44.3 การให้ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 21.4 เป็นร้อยละ 32.4 และส่วนลดเงินสดมีสัดส่วนร้อยละ 23.3